วันก่อน เจอสองเหตุการณ์ที่ย้ำให้เรารู้ว่า คนเราทำอะไรมากกว่าทีเราคิด ไม่ว่าเราเป็นสถานะอะไรก็ตาม ทั้งสองเหตุการณ์สอนให้รู้ว่า การเอาใจเขามาใส่ใจเราเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เริ่มจากเหตุการณ์เช้าวันหนึ่งที่ ร้านกาแฟสตาร์บัค ที่เซลทรัลพระรามเก้า ด้วยความที่เราต้องคุยงานกับเพื่อนๆที่ร้าน เลยซื้อกาแฟ อาหารเช้า และที่ขาดไม่ได้เลยคือน้ำเปล่า เลยสั่งน้ำเปล่าไปหกขวด พนักงานก็บอกให้หยิบเลย ตรงตู้แช่ด้านหน้า เราเองก็เอื้อมไปหยิบ เอ๊ะแต่ว่ามีแค่สี่ขวด เลยบอกว่าขอเพิ่มอีกสองขวด พนักงานเลยเอื้อมไปหยิบด้านในมาอีกหนึ่งขวดพร้อมบอกว่าจะเอามาให้อีกขวด รอสักพัก พนักงานออกมาพร้อมกับ น้ำดื่ม Avian ให้เรา (แต่เราสั่งไปเป็นมินะเร่) พนักงานเหมือนรู้เลยบอกว่า ขอโทษทีค่ะ มินะเร่หมด ขออนุญาตให้ขวดนี้แทนนะคะ
วันเดียวกันไปทานข้าวมื้อดึกที่ Oyster Bar ซอยนราธิวาส 24 แถวบ้านตอนเกือบสี่ทุ่ม หิวจัดเลยสั่งหอยไปสิบกว่าตัว พร้อมกับสั่งไวน์ขาดไว้กินกับหอยนางรมดิบเหล่านี้อีกหนึ่งแก้ว พอทานไปได้ซักหน่อย มือก็ดันไปปัดโดนแก้ว ไวน์หกหมดเลย แอบเขิน แต่ก็ขอโทษเค้า ซํกพักเค้าเดินมาบอกว่าจะเอาไวน์เพิ่มมั้ยคะ เราเองก็บอกว่าไม่ละ เค้าก็เดินไปและกลับมาพร้อมกับแก้วใหม่และเทไวน์ให้ แล้วบอกว่าไม่คิดเงินค่ะ เรานี่ดีใจตัวลอย
ทั้งสองเหตุการณ์ ผมเคยเจอมาบ้างเวลาไปร้านที่มีเจ้าของอยู่ด้วย เพราะว่าเค้ามีอำนาจตัดสินใจ และหลายครั้งที่ไปหลายร้านแล้วเจ้าของไม่อยู่ ก็มักไม่ได้อะไรอย่างนี้ แต่เราก็เข้าใจเพราะว่า พนักงานส่วนใหญ่ไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจแทนร้านเหมือนเจ้าของ
แต่เหตุการณ์สองอันนี้ทำให้เรารู้ว่า วัฒนธรรมองค์กร ในการสร้างจิตสำนึกในการดูแลลูกค้า เป็นสิ่งที่สร้างยากแต่เป็นไปได้ การสร้างนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้า หัวหน้าองค์กร ไม่ให้ความไว้วางใจกับพนักงานว่าเค้าจะทำสิ่่งที่ดีทึ่สุดสำหรับลูกค้าเสมอ ทั้งสองเหตุการณ์ ทำให้ร้านต้องสูญเสียรายได้ไม่น้อยทีเดียว แต่พนักงานก็พร้อมที่จะทำเพื่อความสุขของลูกค้า
โดยส่วนตัวทำให้ทั้งสองร้านติดตราใจไปอีกนาน และคงกลับมาทานบ่อยๆ เพราะว่าการกระทำเล็กๆน้อยโดยเอาใจลูกค้าเป็นที่ตั้ง
นี่แหล่ะมั้งที่เค้าเรียกว่าการสร้างลูกค้าที่อยากจะกลับมาใช้บริการสินค้า หรือบริการของเราบ่อยๆ และพร้อมจะบอกคนอื่่นให้ไปใช้บริการด้วย
ผมนี่เคลิ่มเลย….กลับไปอีกแน่ๆ
Leave a Reply