Category: Coaching

  • 3 สาเหตุที่พนักงานที่มีงานที่ดีและมั่นคงถึงล้มเหลว

    “โตขึ้นอยากเป็นอะไร”

    “หนูมีความฝันว่าอะไร”

    มันดูไม่สมเหตุสมผลเหลือเกิน ถ้าเราเอาเหตุผลที่คนมากกว่า 90% ของโลกนี้ต่างเชื่อว่าถ้าเราอยู่ในอาชีพการงานที่ดีแล้วตั้งใจทำงานหนัก แล้วเราจะประสบการณ์ความสำเร็จในชีวิต เพราะอะไรเรามาดูกัน

    1.  พนักงานที่ดีอาจทำให้เรามีรายได้ที่ดี ที่ทำให้เราสร้างกำแพงที่ปิดกั้นความฝันของเรา หลายคนบอกว่าไม่จริง เพราะว่าเราได้ทำสิ่งที่เรามีความสุขในสิ่งที่เราทำอยู่ แต่ คิด คิด คิด ให้ดีถึงความฝันในวันเด็ก สื่งที่เราทำอยู่คือความฝันของเราหรือเปล่า หรือเป็นเพียงแค่ ความฝันที่ถูกหยิบยื่นให้จากคนอื่น เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะว่าถ้าเราไม่ทำตามความฝันที่คนอื่นสร้างขึ้น มันจะทำให้เราไม่มีความสุข พอไม่มีความสุข เราก็ทำงานได้ไม่ได้ดีเยี่ยม และ ผลลัพธ์คือ______

    2.  พนักงานที่ยอดเยี่ยมต้องทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆเพื่อให้ผลลัพธ์ดีขึ้นเรื่อยๆ หลายคนอาจบอกว่า ไม่จริง เราก็กระจายงานให้คนอื่นทำให้เราดีกว่าเราเพื่อเราจะได้ทำงานเบาลง งานวิจัยมากมายที่เห็นกันเกลื่อนกลาดต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ความรับผิดชอบมักสูงขึ้น เป็นเงาตามตัวเวลาที่เราสามารถบริหารจัดการงาน และคนเพื่อสร้างผลงานให้มากขึ้น ผลลัพธ์ที่ชัดเจนคือ สุขภาพเสื่อมลง โรคความเครียด ความดัน เบาหวาน คลอเรสเตอรอล หัวใจ พากันรุมเร้า และผลลัพธ์คือ_____

    3. พนักงานที่ดีมักตีกรอบความคิดของคนรอบข้างโดยไม่รู้ตัว ลองจินตนาการว่า ถ้าวันที่ลูกเราอยู่ในวัยเรียน เป็นเด็กที่ผลการเรียนยอดเยี่ยม แล้วเดินมาหาเราบอกกับเราอย่างตื่นเต้นว่า พ่อครับ แม่ครับ ผมรู้แล้วครับว่าผมอยากจะเป็นอะไรในอนาคต เราอาจจะตื่นเต้นกับลูกไปด้วยกับความรู้สึกถึงความฝันอันแรงกล้าของลูกเรา และเราอาจถามว่า แล้วอยากเป็นอะไรล่ะ แล้วลูกอมยิ้มแล้วตอบเราว่า ผม/ หนูอยากเป็นนักมายากลครับ พนักงานที่ดีอาจจะอื้งในคำตอบและพูดว่า ลูกเก่งเลขนี่นา ทำไมถึงอยากเป็นนักมายากลล่ะ การเป็นนักมายากลรายได้ไม่มั่นคงนะ และเหตุผลอื่นๆอีกมากมาย และผลลัพธ์คือ______

    คงไม่ได้กำลังบอกว่าการเป็นพนักงานเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่หากการได้ทำตามความฝันของเราไม่ว่าเราอยู่ในสถานะอะไรเป็นสิ่งที่ต้องทำ ย้ำว่า ต้องทำเพราะว่า เราคงไม่อยากเจอกับฝันร้ายที่เราไม่สามารถบอกกับลูกได้ ว่า เชื่อพ่อ เชื่อแม่ ทำตามความฝันของลูกนะ เพราะว่า พ่อกับแม่ได้ทำมาแล้ว (ไม่สำคัญว่าจะสำเร็จหรือไม่)

    หรือว่าเราอยากจะบอกกับลูกว่า พ่อแม่ทำตามความฝันไม่ได้เพราะว่า พ่อแม่มี ลูกน่ะแหล่ะ

    ลองคิดดู

  • อย่าด่วนตัดสิน เพราะ วิดีโอของเราไม่เหมือนกัน

    ผมว่าเราหลายคนคงเคยอยู่ในสถานการณ์ที่ ถามตัวเองว่า

    ทำไมนาย หรือ เธอคนนั้นถึง ไม่ทำในสิ่งที่คนทั่วไปเค้าทำกัน และหลายครั้งหนทางก็ดูมืดมนในความพยายามของเรา เพื่อจะทำให้ใครซักคนเข้าใจว่า สิ่งที่เค้าทำอยู่เป็นสิ่งที่สร้างผลเสีย ประเด็นส่วนใหญ่ที่เจอก็คือ เรามักเข้าใจว่าคนทั่วไปน่าจะเข้าใจ เรื่องนั้น เรื่องนี้ได้ ไม่เห็นจำเป็นที่จะไปบอกเค้า เค้าน่าจะคิดเองได้

    แต่ว่าแท้จริงแล้ว งานวิจัยของ Chris Argyrisให้คำจำกัดความถึงการมนุษย์ทุกๆคนมีความแตกต่างกันอย่างไม่น่าเชื่อ พอสรุปเพื่อให้เห็นภาพได้คร่าวๆว่าทำไมบางคนถึงมีสรุป วิธีการลงมือทำหรือความเชื่อที่อาจดูแตกต่างอย่างไม่น่าเชื่อ

    งานวิจัยว่า สมองคนเราเก็บภาพทุกอย่างเสมือนการเก็บภาพวีดีโอ ฉะนั้น วิดีโอของเราทุกคนไม่เหมือนกัน ดังนั้น พอเราเจอสถานการณ์อะไร เราก็เลือกเอาส่วนที่เราอยากจะรับรู้ หรือสอดคล้องกับภาพวีดีโอของเราที่มีในหัว การเลือกภาพนั้นนำไปสู่การสรุปว่าเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นอย่างไร และนำไปถึงความเชื่อ ที่บ่อยครั้ง ก็กลายเป็นการกระทำ

    มาถึงตรงนี้หลายคนอาจเข้าใจว่า แสดงว่าถ้าเราสามารถที่จะเปลี่ยนวีดีโอของเค้าได้ เราก็จะทำให้คนอื่นเป็นอย่างเรา หรือทำงานร่วมกับเราได้

    แต่แท้จริง เราควรจะถามตัวเองต่างหากว่า แล้วคนอื่นเค้าต้องมีวีดีโอที่เหมือนเราหรือไม่ และถ้าวีดีโอของเราเหมือนกัน แล้ว ความหลากหลายทางความคิดจะยังมีอยู่หรือไม่ ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่จะคอยเตือนตัวเองเสมอเวลาเจอคนที่อาจจะคิดไม่เหมือนเรา คือ วีดีโอของเราทุกคนไม่เหมือนกัน และ ความไม่เหมือนกันนี้แหล่ะคือความสวยงามของมนุษย์ ถ้าเรารักคนอื่น (หรือคนนั้นมากพอ) เราอาจจะเริ่มจูนคลื่นไปเข้าใจวีดีโอของคนอื่นบ้าง เผื่อบางทีเราอาจจะมีภาพมุมใหม่ที่อาจจะทำให้เราเปลี่ยนวิถีการทำงานไปเลยก็ได้

  • TPSE Talk @Software Park Thailand: Building High Performance Culture

    logo_tpseconf

    I owe a big favor to Amr Elsamadissy as he taught me many things about Agile and Coaching.  It was a life changing experience to know the responsibility ladder which was well taught by Christopher Avery.

    In the talk at Software Park Thailand for the first Thailand Practical Software Engineering Conference, I’m being honored to share the topic building the high performance culture as part of the project manager. Here’s the excerpt of the talk..

    “Why and How project manager must deliver high performance culture as part of deliverables?”
    By the book, project manager is tasked to deliver the project with standard project management triangle, time, budget, scope, with quality at the heart of the project. Nevertheless, far too many times, we witness the failure of the project especially software even though the project manager is so capable of delivering business needs. At time, project may seem to be successful but not long after the departure of glorified project manager, the project success is heading downhill. Together, we will exchange the experiences from the trenches that may change your perception on project manager roles and responsibilities. We will look at the basic human dynamic that will change your project result forever.

    See you all tomorrow at the afternoon session, Software Park Thailand. For more information about the event go to http://www.tpseconf.org

     

     

  • คุณฟัง หรือ แค่ได้ยิน

    หนึ่งในสิ่งที่ง่ายที่สุด และยากที่สุดของคนคือการฟัง

    การฟัง คือ การได้ยิน และเอาไปคิด

    หลายคนสับสนว่าการช่วยเหลือผู้คนที่ดีที่สุดคือการเข้าไปช่วยเหลือเลย แต่หากความเป็นจริงคือ การโดดเข้าไปช่วยอาจเป็นดาบสองคมที่ทำให้เรายัดเยียดสิ่งที่คนอื่นไม่ต้องการก็เป็นได้

    ฉะนั้นความช่วยเหลือที่ดีทีสุดที่เราทำได้ ต่อผู้คนที่อยู่รอบตัวเรา บางครั้งอาจเป็นแค่ไปนั่งฟังเค้า และพยายามช่วยเค้าในสิ่งที่เค้าอยากทำ และ เงื่อนไขส่วนใหญ่ที่คนจะเริ่มไว้ใจให้เข้าไปช่วยเหลือคือ

    1. ต้องเก็บความลับได้
    2. เป็นเรื่องส่วนตัว
    3. ให้ความช่วยเหลือได้อย่างมหัศจรรย์

    ต้องยอมรับว่าส่วนตัวเคยพยายามช่วยเหลือคนอื่นด้วยความรู้สึกว่า เรารู้ดีกว่า ผ่านอะไรมามากกว่า แต่แท้จริงแล้ว การช่วยเหลือผู้คนที่ดีที่สุดคือค้นให้เจอว่าคนอื่นอยากได้อะไร และทำสิ่งที่ทำให้ความปราถนาลึกๆนั้นสำเร็จ

    วันนี้คุณได้หยุดพูด และ ได้ฟังคนอื่นจริงๆ หรือเปล่า?

     

     

  • I have QA team (others but not me)

    One of the interesting observation when working with many team in my coaching career is how people would react to my questions about quality, product testing, A/B Testing, regression test, etc.

    We have done the unit testing, and we are waiting for QA team to do it.

    QA did it better. We just can’t do it like them.

    Our server won’t be able to do it, sorry.

    It will be very bias if we do the testing so it’s better QA/ Somebody else do it.

    What! you expect the actual business flow to be tested in development environment, that’s just too expensive!

    We don’t have enough time if we do more testing. Can we have more QA to do it?

    Our developers are the expert in this field and they hardly made any mistake (from the records)

    There are plenty more creative reason why quality can’t be done at the first line of code or test first along the first line of development.

    I’m one of those people who stuck at the activities I have to do daily and ignore the value that I have to give as part of my daily activities. I just hope that people don’t repeat the same thing. How? I guess if we put our creativity on how to perform such tasks so we don’t have to spend time to defense why we need others to do quality work.

    What’s your take?

  • Start-up with No money, No knowledge, No plan

    One of the an interesting speech by Alibaba Founder, Jack Ma, tells a story to Stanford grads that his philosophy that made him this far is

    1. No money, with only 50,000 RMB (250,000 THB) when he set out the start-up. Unlike many other family-rich-start-up, which they have lots of money to spend. Having no money gave him a chance to be creative on how to spend the money wisely.

    2. No knowledge about technology, Jack Ma never write a single line of code, and he takes it as an advantage because he now can test the system like the consumer.

    3. No plan, he was being agile in his way to tackle things because he hardly thought the company would come this far. The key to success is the adaptive leadership that he used along the road of start-up.

    Of course, his company now have all three things but the core values is still the same. The company has more money but it’s being spent carefully. Alibaba also have people who do technology driven but they all will be based on the clear vision from business. He still has no plan as a CEO but the planning at the operation level is still needed. Agility is what make Alibaba success.

     

     

  • สัญญาณต่อไปนี้เป็นเวลา…(Time Perspective)

    เวลาอยากรู้เวลามาตรฐานในประเทศไทย เรานึกถึงอะไร มีวิธีมากมายที่เราเอาไว้ใช้ตั้งเวลาให้กับ มือถือ นาฬิกา หรือ แม้กระทั่งเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ส่วนตัว มักหยิบโทรศัพท์ แล้วกด เบอร์ 181 แล้วเราจะได้ยินเสียง ปี๊บ พร้อม กับเสียงของหญิงวัยกลางคน พูดว่า

    สัญญาณต่อไปนี้เป็นเวลา ….นาฬิกา….นาที…วินาที….ปี๊ป…

    ทุกๆสิบวินาที หญิงผู้นี้จะพูดเวลาที่เปลี่ยนไป

    เวลาเป็นของมีค่า เราต่างคน มีวิธีการใช้เวลาที่แตกต่างกัน นักจิตวิทยา ศาสตราจารย์ฟิลิป(Philip Zimbardo) ได้แบ่งปันหนึ่งในเรื่องมุมมองของเวลาของบุคคล 3 แบบ ที่มีผลต่อ การทำงาน สุขภาพ และชีวิตความเป็นอยู่

    1. มุมมองที่ใช้ประสบการณ์ในอดีตเป็นหลัก ภาพในอตีดมีทั้งในแบบที่ลบ คือกลุ่มคนที่มองเห็นแต่ความล้มเหลว เสียใจ ส่วนภาพในอดีดที่เป็นบวก มักมมองถึงความสำเร็จ หรือว่า ความสุขในอดึด คนกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มคนที่เก็บโลห์รางวัล เหรียญกีฬา หรือประกาศนียบัตร
    2. มุมมองทีอยู่กับปัจจุบัน การอยู่กับปัจจุบันแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มเช่นกัน คือ กลุ่มที่หลีกเลี่ยงความเจ็บปวด ความไม่สบายใจ หรืออีกกลุ่มคือ กลุ่มที่มองหาความรู้ใหม่ ประสบการณแปลกใหม่
    3. มุมมองที่มองไปถึงอนาคตเป็นหลัก คนส่วนใหญ่ที่มีเป็นอยู่ รวมถึงคนที่อ่านบทความนี้อยู่ คือกลุ่มคนที่มองไปถึงอนาคต และนั่นก็เป็นสาเหตุที่เราทำงานมากกว่าที่จะเล่น (อดทน อดกลั้น ต่อตัณหาที่เรามี) หลายคนมองเรื่องอนาคตในมุมมองของความเชื่อคือ ชีวิตเริ่มต้นหลักความตาย การมีชีวิตอยู่กับอนาคตให้ได้ดีนั้น เราต้องมีความเชื่อ หรือว่าความฝัน ถึงที่สิ่งที่เราวาดไว้ ความชัดเจนของภาพคือตัวกระตุ้นให้เราทำในสิ่งที่นำพาให้เราไปถึงจุดอนาคต (ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง)

    สิ่งหนึ่่งที่สนใจในงานวิจัยคือ กลุ่มคนที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร เช่น ประเทศไทย มักมองไปถึงอนาคตน้อยกว่ากลุ่มคนที่อยู่ห่างเส้นศูนย์สูตร เหตุเพราะว่าสภาวะอากาศที่ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก ทำให้ไม่รู้สึกว่าจะต้องกระตือรือร้นเพื่อเตรียมตัวกับอากาศ หรือสภาวะที่เปลี่ยนไป

    โดยส่วน่ตัวเชื่อว่างานวิจัยคงไม่ได้ชี้นำว่า มุมมองไหนเป็นมุมมองที่ดีที่สุด หากแต่เป็นการเข้าใจมุมมองของเราว่าเรากำลังอยู่ในโหมดไหน เพื่อจะได้พยายามที่จะสร้างสมดุลของการใช้เวลา เพื่อการทำงาน สุขภาพ และ คุณภาพของชีวิต

  • 3 ข้อคิดในการหาคนร่วมทีม

    การสร้างทีมจากศูนย์นั้นถือเป็นเรื่องท้าทาย แต่ว่าแฝงไปด้วยหลุมพลางที่เราอาจมองไม่เห็น แนวทางในการคัดเลือกคนจึงเป็นสิ่งจำเป็น

    1. ทีมต้องช่วยกันคิดคุณลักษณะแบบละเอียดให้กับคนสัมภาษณ์ บ่อยครั้งที่เรามักหาคนแบบกว้างๆแต่ไม่ลงลึกว่า ลักษณะของงานเป็นอย่างไร การทำเช่นนั้นเปรียบเสมือนการบอกว่าจะไปเที่ยวแต่ไม่รู้ว่าจะไปไหน หรือบอกกว้างเกินไป สุดท้ายเราอาจจะได้คนที่มีลักษณะที่ทำงานกว้างมาก แต่ทำงานของทีมเราไม่ได้เลย
    2. คนที่จะร่วมทีมนั้นต้องมีบุคลิกความสามารถที่แตกต่าง เราคงไม่ต้องการหาคนเหมือนกันเป็นแพะเข้ามาทำงานด้วยกัน เพราะถึงแม้ได้ปริมาณงานเยอะขึ้น แต่ความหลากหลายมักไม่ค่อยมี เชื่อเถอะหาคนที่เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของทีมให้ได้
    3. คนใหม่นั้นต้องมีโอกาสคุยกับคนในทีมงานของเราให้มากที่สุด หรือแม้แต่ได้เข้ามาทำงานร่วมกันอย่างน้อยหนึ่งวัน อันนี้หายากในบ้านเรา เพราะว่า คนไทยมักใช้โปรไฟล์ และพยายามใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง หาตัวตนที่แท้จริงของคนที่มาทำงานด้วย จำไว้ว่าการที่คนพูดเก่งนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์กับความสามารถที่จะทำงานในทีมซักเท่าไหร่

    วันนี้เราหาคนเข้ามาร่วมงานกับเรายังไง

  • สร้างผู้นำหญิง

    โดยส่วนตัว มักมีความสุขที่ได้มีโอกาสได้สร้างสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมเพื่อสร้างภาวะผู้นำให้กับ หลากหลายกลุ่มงาน บริษัท ห้างร้าน เพื่่อให้คนที่อยู่นั้นมีความภาคภูมิใจต่องานที่ทำ และโดยส่วนมากผลงานก็จะออกมาได้ผลดียอดเยี่ยมเสมอ

    แต่สิ่งที่่ทำให้มีความสุขมากกว่าคือการสร้างภาวะผู้นำ ให้ผู้หญิงได้มีโอกาสทำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดว่ามีแต่ผู้ชายทำได้ (ผมเชื่อว่าในเอเชีย กระแสนี้ยังแรงมาก) จากประสบการณ์ส่วนตัว วิธีการสร้างภาวะผู้นำให้ผู้หญิง ไม่ได้แตกต่างจากผู้ชายแต่อย่างใด และบ่อยครั้งกลับง่ายกว่าด้วยซ้ำไป มาดูกันว่าทำไมผมจึงคิดอย่างนั้น

    1. ผู้หญิงเป็นคนเข้มแข็งได้อย่างไม่น่าเชื่อ งานวิจัยมากมายที่เรามักได้ยินต่างๆนานา ไม่ว่าจะเกิดสถานะการณ์เลวร้าย ถูกทำร้าย หรืออะไรก็ตาม เรามักพบว่าเพศที่ดูเหมือนบอบบางและน่าถนุถนอม มักจะเป็นคนที่สามารถเอาชีวิตรอดได้เสมอ
    2. ต่อมความเชื่อของผู้หญิงนั้นละเอียดอ่อน ความเชื่อเป็นสิ่งสำคัญเมื่อถึงภาวะคับขัน และการยึดมั่นต่อเป้าหมาย รวมถึงการส่งต่อความเชื่อที่มีต่องานของผู้หญิงนั้นสัมผัสจิตใจผู้คนได้มาก การได้มีโอกาสได้ฟังผู้นำหญิงหลายคนในโลกกล่าวสุนทรพจน์ แล้วได้แรงบันดาลใจมากกว่า
    3. การแสดงออกถึงความรักของผู้หญิงนั้นเป็นเรื่องง่าย หนึ่งในคุณลักษณะผู้นำที่ดีคือสามารถเข้าถึงความรู้สึกของคนในทีม และ สร้างความเชื่อโยงระหว่างตนเองกับคนอื่นได้ดี คงไม่ผิดที่จะบอกว่า ผู้หญิงแสดงออกด้วยความรัก เป็นเรื่องง่ายมาก และความรักที่บริสุทธิ์นี่แหล่ะที่ทำให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    4. ความละเอียด รอบคอบ อย่างไม่น่าเชื่อ  การที่ผู้หญิงต้องดูแลตัวเองมากกว่าผู้ชายนั้นเป็นสิ่งผลักดันให้ผู้หญิงทีทักษะในการตรวจสอบความถูกต้องของงาน สิ่งแวดล้อม หรือคู่แข่งได้อย่างสวยงาม ทั้งนี้รวมถึงการสร้างทีมด้วย
    5. ความซื้อสัตย์ และระเบียบวินัย ย้อนกลับไปดูประวิติศาสตร์ได้เลย ในเรื่องของการทุจริตที่มีในโลก ส่วนใหญ่ไม่ใช่ผู้หญิงที่เป็นผู้นำ ไม่แน่ใจว่าทำไม แต่ ความซื่อสัตย์ดูเหมือนเป็นจุดที่ผู้ชายนั้นต้องเลียนแบบ

    คงไม่ได้กำลังบอกว่าเลิกให้โอกาสผู้ชายเป็นผู้นำ แต่อยากให้สังคมเริ่มมาให้ความสำคัญ และกำลังใจ กับผู้หญิงให้ได้มีโอกาสได้เป็นผู้นำเพื่อทำงานที่มีคุณภาพ และทำให้ทีมมีความสุขด้วย (โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ) เช่นเดียวกันอยากให้ผู้หญิงกล้าที่ก้าวออกมาเวลาที่มีความท้าทายเกิดขึ้นรอบด้าน และพิสูจน์ให้ตัวเอง และคนทั้งโลกว่า ไม่มีคุณลักษณะความเป็นผู้นำข้อใดๆที่ผู้หญิงทำไม่ได้

    Women-leaders

     

  • Have you found your sense of comfort?

    Kent Beck, a founder of an extreme programming, as well as one of the founder of Agile Manifesto. He’s currently working at Facebook as a coach for programmer.

    One of the session I attended during Agile Singapore 2013 is “East at Work” , where he honestly shared that this talk was actually inspired by his wife, “Can you talk something relating to life?”, his wife said. I won’t go into full length of 1.5 hours of his talk because I know that InfoQ, media sponsor, will post his video soon.

    Lots of his point was relating to coding (of course, he’s programmer). However, reading between the line, he’s trying to communicate many points relating that we as a human should find our comfort of whatever we are doing.

    Kent Believe that no one shouldn’t spend too much time to judge if he/ she is the best or the worst. Comparing the effort to move pendulam center no matter where you stand. The amplitude is too high and we shouldn’t waste it.

    It’s unarguable that we all at one time in life thought we are the best and probably no one will ever invent what we can do or think. In contrast, we also used to be in the situation where we think we are the worst creature that ever live in the world because we do something very stupid that nobody can be that stupid.

    This two sides of pendulam is where we used to stand and we should try to reduce the amplitude of the two side as low as possible. Otherwise, the energy will be wasted as a result of putting us back to the comfortable spot.

    For Kent’s spot, they are:

    • My work matters
    • My code works
    • I’m proud of my work
    • I make public commitment
    • I am accountable
    • Interpret feedback
    • I am a beginner
    • I meditate
    • I serve

    It was a well delivered session by Kent Beck. They are still left for my interpretation and I will share when I have thought about it deeply. At the end of the day, each and everyone pendulum will have a different spot.

    No matter what industry you are in, I hope you will start finding your sense of comfort. It’s not only to help you live your life to the fullest but also the world will reap the benefit of getting the outcomes with the least waste.

    2013-11-07 16.51.41