Category: About Me

  • An accident, a blessing?

    I got a Road Bike accident on the tenth of February, couldn’t move my left side of body for a week, admitted to the hospital. I still can’t lift my left arm well for another 4 weeks, still can’t take a deep breath because my rib is inflammatory.

    I have found I am extremely blessed by the accident. Because I discover:

    1. A true friendship from the people around me. They are not only call or visit me but cover my work while I recover.
    2. I have time to focus and uncover a missing pieces in my start up, coaching , and consultancy work.
    3. Knew that my bone is stronger than the car glasses because I manage to broke the car back windshield with my left shoulder without a single broken bone.
    4. I found time to be with my lovely twins and wife which remind me that they are the most important thing in my life.
    5. I lost my weigh because I just can’t eat a lot because my rib will move too much.
    6. I have a chance be a left arm disable for 4 weeks to appreciate the left arm more, I am a right hander and missing left arm is not an easy life.
    7. I don’t have to drive and appreciate my wife that she is a much better driver.
    8. Get the read more books on top of my regular 5 books a week.
    9. Have more time to reflect what I want in life and uncover the meaning of life in many aspect.
    10. I can keep thanking on and on because I feel that everything happens for my good…

    Above all, I just couldn’t find much to blame for what had happened…just couldn’t…thank God…I am a happy man.

    20140304-014255.jpg

  • จริงไหม ทารกที่เกิดมาตัวยาวโตขึ้นจะตัวสูง

    ใคร ๆ ก็อยากให้ลูกสูง คุณแม่ก็มักจะบำรุงตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนลูกเกิด มีคนบอกว่าถ้าเด็กแรกเกิดออกมาตัวสูง โตขึ้นก็จะสูง คำตอบคือ “จริง” เด็กที่ตอนแรกเกิดคลอดออกมาตัวยาวมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ตัวสูงในอนาคต ความสูงของพ่อแม่ก็อาจจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะสามารถดูได้ว่าลูกจะเกิดมาตัวสูงหรือไม่ เพราะลูกได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรมจากพ่อแม่นั่นเองค่ะ และในตามหลักปัจจัยทางพันธุกรรมเราอาจประมาณความสูงของลูกได้ด้วยการนำความสูงของพ่อกับแม่ (หน่วยเป็นนิ้ว) มารวมกัน จากนั้นให้หารด้วย 2 และบวกเพิ่ม 2.5 นิ้วสำหรับเด็กผู้ชาย และลบออก 2.5 นิ้วสำหรับเด็กผู้หญิง และอีกหลักการหนึ่งก็คือ ลูกจะมีความสูงเมื่อโตขึ้นจะเป็น 2 เท่าของความสูงเมื่ออายุ 3 ปี อย่างไรก็ดีสูตรคำนวณทั้งสองเป็นเพียงแนวโน้มเท่านั้น ไม่ได้การันตีว่าลูกจะสูงเท่านี้แน่ๆ ทางที่ดีควรให้ลูกออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อการเติบโตที่แข็งแรงสมวัยในอนาคต

    (Cr: www.theasianparent.com)

    Singapore Parenting Magazine for baby, children, kids and parents

  • ของใช้เด็กที่คิดว่าคุ้มและไม่คุ้ม (ตอนที่ 2)

    แต่ก็มีบางอย่างที่เมื่อซื้อมาแล้วคนเลี้ยงใช้ไม่ถนัดบ้างและไม่พยายามนำมาใช้ด้วยเลยไม่ค่อยได้ใช้และต้องเก็บไปตามระเบียบ บางอย่างเก็บไว้อย่างดีจนลืมนำออกมาใช้ก็มี พอมาดูอีกครั้งลูกก็โตเกินกว่าที่จะใช้ได้แล้ว จะขอแชร์ 4 อย่างคือ

    1. ฟองน้ำ ก่อนคลอดซื้อฟองน้ำแบบธรรมชาติมาอย่างแพง 500 บาท แต่คนสอนอาบน้ำใช้ผ้าเช็ดหน้าเด็กแทน ผืนละ 39 บาทเอง ตอนนี้เลยถนัดใช้เป็นผ้าไปแล้ว สรุปว่าได้ใช้ฟองน้ำอยู่นับครั้งได้เลย

    2. หมอนรองให้นม เป็นหมอนรองให้นมสำหรับเด็กแฝด พรีออเดอร์มาจากอเมริกา เป็นของอย่างแรกที่ซื้อเตรียมไว้ แต่พอมาใช้จริงที่โรงพยาบาล ภรรยารู้สึกใช้ไม่ถนัด ประกอบกับพยาบาลสอนแบบอุ้มท่าฟุตบอลแล้วใช้ผ้าหนุนหรือหมอนหนุนเอา แล้วก็สอนท่าให้นมแบบนอนให้ เลยไม่ติดใจใช้หมอนรองให้นมเลย ตอนนี้เลยต้องเก็บไปตามระเบียบ รอไว้มาใช้ตอนให้ลูกหัดนั่งก็แล้วกัน

    3. เพลเพน ดีที่ไม่ได้ซื้อเอง รับมรดกตกทอดมา คิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้ ตั้งแต่ได้มายังไม่เคยให้ลูกนอนเลยสักครั้ง ส่วนใหญ่จะลงเปลโยกแทน

    4. ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบบกางเกง เด็กวัยนี้รู้สึกว่าใช้ไม่ดีเท่าแบบเทป ส่วนตัวรู้สึกว่าถอดเปลี่ยนยาก ที่ซื้อมาเพราะซื้อมาผิดและซื้อมาตั้ง 3 ห่อใหญ่ ตอนนี้ก็เก็บไว้ให้คนที่ชอบแบบกางเกงต่อไป

    นี่เป็นกรณีของครอบครัวของผม ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่คิดว่าคุ้มหรือไม่คุ้มของแต่ละบ้านก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็นและการใช้งานของแต่ละครอบครัวนั้นๆ

  • ของใช้เด็กที่คิดว่าคุ้มและไม่คุ้ม (ตอนที่ 1)

    การเลี้ยงเด็กสักคนต้องลงแรงมากแถมต้องลงทุนเยอะด้วย ยิ่งผมมีลูกฝาแฝดถ้าประหยัดเงินในส่วนข้าวของเครื่องใช้ที่เกินจำเป็นสำหรับเจ้าตัวเล็กไปได้บ้างก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ไม่น้อย เพื่อเก็บไว้ลงทุนด้านการศึกษาและการดำรงชีวิตด้านอื่นๆในอนาคตด้วย ฉนั้น แทบทุกครั้งก่อนจะซื้อของใช้ลูก ภรรยาของผมจะใช้เวลารีวิวของใช้ที่คิดว่าซื้อมาแล้วน่าจะคุ้มค่าที่สุด เกิดประโยชน์และปลอดภัยกับลูกมากที่สุด ซึ่งบางอย่างซื้อมาก็ได้ใช้บ่อยจนต้องไปซื้อมาเพิ่มสำหรับสองคนบ้าง (คือถึงผมจะมีลูกแฝด แต่ก็ไม่ได้ซื้อทุกอย่าง 2 ชิ้นเสมอ) จึงอยากแบ่งปันสิ่งที่คิดว่าซื้อมาแล้วได้ใช้คุ้มที่สุดตั้งแต่ลูกเกิดมาจนตอนนี้ลูกก็ได้ 5 เดือนกว่าๆแล้ว วันนี้ขอเลือกมา 4 อย่างก่อนแล้วกัน คือ

    1. car seats

    จากการที่รีวิวมานาน เราเลือกใช้ของ Ailebebe Kurotto Premium ใช้ตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาลและทุกครั้งเวลาที่ต้องออกจากบ้าน ไม่ว่าจะไปหาหมอ ไปโบสถ์ ไปคอนโด ไปต่างจังหวัดหรือไปไหนทุกที่ ไม่ว่าจะไปใกล้หรือไกลก็ต้องนั่งคาร์ซีททุกครั้งก็เพื่อความปลอดภัย เพราะว่าสมัยนี้รถเยอะ แม้เราก็ขับรถปลอดภัยแต่เราก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะขับอย่างไร อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ระวังไว้ก่อนเป็นดีครับ แต่ก็ต้องติดตั้งให้ถูกวิธีและรัดเข็มขัดทุกครั้งนะครับ

    2. เปลโยก

    ซื้อมาตอนลูกอายุได้ 2 เดือน เพราะว่าลูกติดให้อุ้มแล้วคนอุ้มเริ่มเมื่อย เลยไปซื้อมาใช้ 1 ตัวก่อน แล้วเปลโยกที่ซื้อมามีระบบสปริงซึ่งคนขายแนะนำว่าต้องรุ่นนี้เลยสำหรับเด็กติดมือ (แต่ส่วนตัวคิดว่าอย่าเด้งแรงเลย กลัวมีผลต่อสมอง เวลาใช้ก็เลื่อนเดินหน้า-ถอยหลังอย่างเดียว) ผลคือช่วยทุ่นแรงได้เยอะมาก ลูกสามารถนอนเล่นในเปลโยกได้ หรือบางครั้งก็วางลูกไว้ในนี้แล้วเราก็ละไปทำอย่างอื่นได้ชั่วครู่ด้วย ใช้ดีจนต้องไปซื้อมาเพิ่มเป็น 2 ตัวเลย จนป่านนี้เวลาลูกหลับยากก็ให้ลูกนั่งในเปลโยก ลากไปลากมาก็หลับแล้วค่อยอุ้มไปวางบนเตียง คุ้มจริงๆ

    3. play mat

    อันนี้มีคนซื้อมาฝาก เป็นของเล่นเสริมพัฒนาการ สีสันสดใส มีแสงไฟหลากสี และเสียงจากของเล่นแต่ละชิ้น ลองให้ลูกเล่นตั้งแต่อายุ 2 เดือนกว่า ตอนแรกก็ยังนอนมองนิ่งๆ พอได้สัก 3 เดือนก็เริ่มจับบ้าง พอ 4 เดือนก็เริ่มตีๆเตะๆจับ พร้อมกับส่งเสียงร้องชอบใจ คนพี่นอนเล่นในนั้น คนน้องก็นอนด้านนอกดูพี่เล่นไปด้วยได้ สามารถนอนเล่นเพลินๆ ได้สัก 10-15 นาทีจนกว่าจะเบื่อ จนตอนนี้ก็ยังได้ใช้เล่นอยู่เวลาต้องทำโน่นนี่ไปด้วย

    4. Oball

    ลูกบอล ถือเป็นของเล่นชิ้นสำคัญที่เด็กๆทุกคนชอบ ผมซื้อให้ลูกน้อยเล่นตั้งแต่ 3 เดือน เมื่อลูกเริ่มถอดถุงมือ จึงฝึกให้เขาจับและเรียนรู้ผิวสัมผัสแบบต่างๆ ไม่นานลูกสามารถจับลูกบอลไว้ได้อย่างถนัดและไม่ร่วงหล่นเพราะสามารถจับเกี่ยวลูกบอลมุมไหนก็ได้ จนเดี๋ยวนี้ก็ใช้เสมือนยางกัดได้ ลูกสามารถอยู่กับตัวเองและเล่นได้ ไม่ว่าจะไปไหนต้องพกติดตัวไว้ตลอด

     

  • “ช่าง” กับ “ความรัก”

    ช่างที่ต้องมี เพื่อให้ความสัมพันธ์ราบรื่นจะต้องเรียนรู้ที่จะเป็น “ช่าง” ต่อไปนี้

    1. ช่างเอาอกเอาใจ เป็นช่างที่ใส่ใจความรู้สึกและความต้องการของอีกฝ่าย ซึ่งไม่เพียงจะทำให้อีกฝ่ายมีความสุข แต่ยังส่งผลดีต่อความสัมพันธ์และบรรยากาศในครอบครัวด้วย ตัวอย่างที่คุณอาจทำได้ เช่น เวลากลับมาบ้านเหนื่อยๆก็หาน้ำให้ดื่ม จัดเตรียมอาหาร บีบนวดผ่อนคลาย

    2. ช่างชื่นชม เป็นช่างที่ให้กำลังใจและมีคำพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเขาเป็นคนเก่ง เป็นคนมีคุณค่า ซึ่งต่างจากการป้อยอ เพราะการชื่นชมเกิดจากการเห็นคุณค่าของอีกฝ่ายและแสดงออกมาเป็นคำพูดและการกระทำว่าเราประทับใจและชื่นชมด้วยความจริงใจ แต่การป้อยอนั้นเข้าข่ายการโกหกหลอกลวงเพื่อทำให้เขาพอใจ ทั้งๆที่ความจริงแล้วเราอาจไม่ได้รู้สึกเช่นที่พูดออกไป

    3. ช่างรู้ใจ เป็นช่างที่มองทะลุเข้าไปในความคิดและจิตใจ จะรู้ว่าอีกฝ่ายชอบหรือไม่ชอบอะไร อะไรที่ทำแล้วมีความสุขหรือทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเป็นทุกข์

    4. ช่างมัน เป็นวิชาช่างขั้นสูง เป็นการผสมสองศาสตร์เข้าด้วยกัน คือการให้อภัย และความอดทน ซึ่งมีประโยชน์มากในการรักษาความสัมพันธ์ ถ้าคุณเป็นคนช่างมันได้แล้ว เรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่กวนใจ คุณก็จะสามารถมองข้ามไปได้ ไม่เก็บมาคิด ไม่ต้องกังวลใจ

    5. ช่างอดกลั้น เพราะในชีวิตคู่อาจมีการกระทบกระทั่งกันได้ เป็นเรื่องปกติของ .ลิ้นกับฟัน” แต่ความอดกลั้นจะช่วยพยุงความสัมพันธ์ไว้ ประเภทหงุดหงิดมาก็หงุดหงิดกลับไป ไม่ดีขึ้ช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นเลย มีแต่จะร้าวฉาน การอดทนอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรักจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า

    ช่างที่ต้องหลีกเลี่ยง คือ

    1. ช่างสืบช่างค้น คือ ตรวจทุกอย่าง เช็คทุกเรื่อง มือถือ อีเมลล์ ดมกลิ่นเสื้อผ้า ช่างแบบนี้นอกจากเจ้าตัวจะไม่มีความสุขที่ต้องคอยระแวงแล้ว ฝ่ายผู้ต้องสงสัยก็อาจทนไม่ได้เช่นกัน

    2. ช่างวิตกกังวล คือ คิดไปเองว่าอีกฝ่ายจะนอกใจ เป็นช่างที่มีแต่ความทุกข์

    3. ช่างบ่น คือ การพูดเรื่องเดิมๆซ้ำๆ และพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด ถือว่าเป็นการบ่น นอกจากคนบ่นจะเหนื่อยแล้ว ก็ทำให้คนฟังหงุดหงิดด้วยเช่นกัน

    4. ช่างซักช่างถาม ราวกับสอบปากคำ ไม่ว่าจะไปไหน ทำอะไร อยู่กับใคร เหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติอีกฝ่าย แล้วยังเป็นสาเหตุของการทะเลาะกันอีกด้วย

    5. ช่างสงสัยและช่างจับผิด คือ การตั้สมมติฐานในใจว่าอีกฝ่ายต้องไปทำอะไรไม่ดีมา ปิดบังและซุกซ่อน ดังนั้นจะต้องหาความผิดให้ได้ ไม่มีความเชื่อถือเชื่อใจ มีแต่ความระแวง ทำให้ความรักไม่เบ่งบาน มีแต่เหี่ยวเฉา

    6. ช่างรื้อฟื้นและช่างจดจำความผิด คือ ชอบรื้อฟื้นเรื่องในอดีตที่เคยไม่พอใจ เมื่อทะเลาะกันก็จะยกเอาเรื่องราวเก่าๆมาพูด นอกจากจะทำให้ความสัมพันธ์ไม่ดีขึ้นแล้วยังสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจไม่มีที่สิ้นสุดด้วย ดังนั้นเพื่อให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปอย่างราบรื่น จะต้องหลีกเลี่ยงช่างบางประเภท แต่ในขณะเดียวกันต้องฝึกฝนที่จะเป็นช่างบางประเภท แล้วจะทำให้คุณและคู่ของคุณกลายเป็นคู่ที่ “ช่างมีความสุข”

    (Cr.ศจ.ดร.สมใจ รักษาศรี)

  • เป้าหมายปี 2014

    1. เข้าแข่งขันไตรกีฬาภายในวันที่ 30 กันยายน ให้เป็นของขวัญวันเกิดตัวเอง
    2. สร้างนวัตกรรมใหม่ให้เกิดในวงการไอทีโลก
    3. อ่านหนังสึอให้ได้เพิ่มอีก 50 เล่มจากปีก่อน ด้วยการเพิ่มความเร็วเฉลี่ยการอ่านให้อยู่ที่ 800 คำต่อนาที
    4. ตั้งใจเรียนภาษาจีนสำหรับธุรกิจให้สามารถใช้งานในแวดวงธุรกิจได้
    5. ช่วยคนอย่างน้อยหนึ่งคนให้มีชีวิตใหม่ที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทั้งด้านการเงิน จิตวิญญาณ และ สุขภาพ
    6. ออกสอนวัฒนธรรมประสิทธิภาพสูงให้กับทั้งภาคเอกชน รัฐบาล และ การกุศล

     

  • ๓ สิ่งที่ดีที่สุดของปี 2013

    หลากหลายเรื่องราวประทับใจมากมายที่เกิดในปี  2013 แต่ขอเลือกสามพระพรไว้ช่วยเตือนความจำตัวเอง

    1. พระพรที่ได้เจอคนที่ทำให้เราได้พัฒนาศักยภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านธุรกิจข้ามชาติ ในหลากหลายประเทศ ทำให้เราเข้าใจวัฒนธรรมของชาติอื่นๆมากขึ้น เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศใหม่ที่ถูกบรรจุเข้าสู่ความทรงจำ ได้มีโอกาสเจอะเจอผู้ใหญ่มากมายในแวดวงธุรกิจ ให้โอกาสเราในการพิสูจน์ว่าทุกอย่างเป็นไปได้ถ้าเราไปด้วยกัน สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้มากขึ้นไปอีกคือ ยิ่งเป็นคนเก่งมาก ก็ยิ่งฟังมาก ปีนี้ได้เจอคนเหล่านี้เยอะจริงๆ
    2. พระพรเรื่องลูกแฝด ที่ไม่ได้คาดการณ์ แต่เป็นเรื่องดี เพราะทำให้เรารู้ว่าการเป็นพ่อที่ดีนั้น มันยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็สู้แม่ไม่ได้ เพราะว่าเหนื่อยกว่าพ่อเป็นล้านเท่า ขอบคุณภรรยาที่สุดแสนจะอดทน น่ารัก และไม่บ่นเลยแม้ว่าจะได้นอนไม่เกิน สี่ชั่วโมง มาเป็นเวลาห้าเดือนแล้ว ขอบคุณสำหรับครอบครัวทั้งไทยและเทศที่มาช่วยกันทำให้ครอบครัวเราสมบูรณ์ขึ้น ทำให้เราได้มีเวลาปรับตัวก่อนที่จะเป็นครอบครัวเดี่ยวดังที่ใจหวัง
    3. พระพรเรื่องจิตวิญญาณที่ทำให้เราก้าวข้ามขั้นไปอีกหนึ่งขั้นในการให้ความไว้วางใจพระเจ้าที่ บางครั้ง บางเรื่องมืดแปดด้าน แต่พระเจ้าทรงเปิดด้านที่เก้ามาให้เราได้เห็นทางสว่าง แม้แต่ในเส้นทางธุรกิจที่พระเจ้ายังได้ส่งคนมาคอยให้กำลังใจ และสนับสนุนเราเรื่อยมา ขอบคุณภรรยาอีกเช่นกันที่อยู่เคียงข้าง และคอยหนุนใจเวลาที่ท้อแท้ เธอคือพระพรฝ่ายจิตวิญญาณเช่นกัน
  • ครอบครัวเดี่ยวนั้นสำคัญไฉน

    วัฒนะธรรมของคนในแถบเอเชียคือการอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ เมื่อลูกชายแต่งงานกับหญิงใด ส่วนใหญ่จึงมักย้ายเข้ามาอยู่ในครอบครัวฝ่ายชาย

    หลากหลายเรื่องราวที่เคยได้ยินสำหรับคู่ชีวิตหลายคู่ที่มักอยู่ด้วยกันไม่ได้เพราะว่าฝ่ายหญิงเองไม่สามารถปรับตัวเข้ากับครอบครัวของฝ่ายชายได้

    ในบางคู่นั้นดีหน่อยที่ฝ่ายชายเข้าใจและย้ายออกไปอยู่เป็นครอบครัวเดี่ยว เพราะเข้าใจว่าการที่คนสองคนมาจากครอบครัวที่ต่างกัน การปรับตัวนั้นก็ยากพออยู่แล้ว ถ้าดันมาเจอพ่อตาแม่ยาย หรือว่าพี่น้องของฝ่ายชายอีกคงเป็นเรื่องยากที่ชีวิตคู่จะอยู่ด้วยกันยาก

    โดยส่วนตัวเชื่อว่าการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ต้องเป็นครอบครัวเดี่ยว แล้วถ้าเกิดมีลูกขึ้นมา ในช่วงเดือนแรกถึงสามเดือนอาจพออลุ่มอล่วยให้ฝ่ายหญิงไปอยู่กับแม่ของตน เพราะว่าเป็นช่วงที่ต้องการกำลังใจจากแม่แท้ๆ
    หลังจากนั้นต้องย้ายออกเพื่อว่าจะได้เริ่มปูพื้นฐานการเลี้ยงลูกในแบบฉบับของสองสามีภรรยา

    จะร้ายจะดีจะได้ไม่มีข้ออ้างให้ตัวเองว่าเกิดจากการเลี้ยงดูของคนอื่น และเป็นการสร้างความรับผิดชอบให้กับทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ไม่ใช่สักแต่ต้องไปพึ่งพ่อแม่ของตน

  • เมื่อผมกลับไปเป็นนักพัฒนาอีกครั้ง (6 วัน ที่วอดวาย)

    อาทิตย์นี้มีโอกาสได้ไปนั่งเรียน Certified Scrum Developer ของ บริษัท  Odd-e  รู้สึกตัวเองได้เรียนรู้อะไรมากทีเดียว

    หลักสูตรทั้งหมดเรียนทั้งหมดหกวัน วันนี้เป็นวันที่สาม แต่เริ่มได้อารมณ์ตกผลึกจากการทำงานร่วมกันของคอร์สนี้

    อาจงงว่า ไปเรียนไม่ใช่หรือ ทำไมไปทำงาน?

    หลักการของคอร์สนี้คือเอาผู้เรียนเป็นศูนย์กลางสลับกับการสอน ปนกันไป สิ่งที่ได้เรียนรู้อย่างมากนอกจากเนื้อหาที่ดีแล้ว คือ

    1. ความวุ่นวาย เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามีข้อตกลงที่ชัดแล้ว งานเดินได้
    2. นักพัฒนาควรจะได้รับการฝึกฝนเรื่องของการใช้  Editor ให้คล่องเพราะว่ามันประหยัดเวลาไปเยอะมาก
    3. เขียนเทสก่อนเสมอดูเหมือนเสียเวลามาก แต่มันทำให้โค๊ดกากๆของเราทำงาน และกลายเป็นโค๊ดที่ใช้งานได้ในที่สุด
    4. จำไว้เสมอว่า เวลาพัฒนาโปรแกรมให้ทำงานให้ออกมาก่อน แล้วดีไซน์ทีดีจะค่อยๆมาเอง (อย่าลืมทำเทสก่อนด้วย)
    5. จำนวนสมองที่คิดอย่างเป็นระบบ มีประโยชน์กว่าจำนวนมือที่อยู่บนคีย์บอร์ด
    6. ใช้  Mock เยอะเกินไปทำให้เราด้อยประสิทธิภาพในการเขียนเทส
    7. โค๊ดที่ดีไม่มีจริง (เพราะว่านักพัฒนามีความชอบและสไตล์ไม่เหมือนกัน  มีแต่โค๊ดที่ไม่มีกลิ่นเหม็น (smell) ไม่เหม็นยังไง จะมาเล่าให้ฟังวันหลัง
    8. การได้กินของว่าง และฟังเพลง ระหว่างเขียนโค๊ดนั้นเเพิ่ม ประสิทธิภาพมาก
    9. การทำให้  Continuous Integration  พูดได้นั้นทำให้ทำงานสนุกมากเพราะว่าเวลาใครทำโค๊ดใครพัง มันชัดมาก (ใส่เสียง South Park ให้ด่าได้ด้วย)
    10. การสลับคู่ทำงานไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยดี จะดีกว่าถ้ามีคนที่ทำงานเดิมยืนพื้น

    มีอีกเยอะ ถ้าอยากรู้เพิ่มแนะนำให้ไปเรียน Certified Scrum Developer ของ Odd-e (ติดต่อ roof@odd-e.com) ซึ่งไม่รู้ว่าจะจัดอีกครั้งเมื่อไหร่

     

     

  • ความมั่นใจในตัวเองสร้างได้ ด้วย 4 ขั้นตอน

    สำหรับหลายๆคนความมั่นใจคงเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจมีมาแต่กำเนิด แต่ส่วนตัวเชื่อว่ามีคนอยู่ไม่น้อยทีเดียวที่ ขาดความมั่นใจ และหลายครั้งไม่กล้าทำบางอย่างทั่งๆที่รู้ว่าตัวเองทำได้ เพียงเพราะขาดความมั่นใจ หลายคนเชื่อว่าความมั่นใจเป็นสิ่งที่ติดตัวมา และเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับใครหลายคน แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ความมั่นใจเป็นเรื่องที่สร้างได้ถ้าเราเริ่มต้น โจทย์หนึ่งที่เจออยู่เป็นประจำในการเป็นโคชคือต้องหาทางที่จะบอกวิธีการสร้างความมั่นใจอย่างง่ายที่ใครก็สามารถเอาไปต่อยอดได้ โดยส่วนตัว

    ความมั่นใจในตัวเอง คือ ทักษะอย่างหนึ่งในการที่เราสามารถที่จะสร้างความเชื่อให้กับตัวเองในการทำอะไรก็ได้ที่เราต้องการให้สำเร็จลุล่วงไปได้ ไม่ว่าจะมีอะไรกั้นขวาง

    ซึ่งพอจะคิดออกได้ 4 สิ่งที่เชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้น ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับใครก็ได้อย่างแน่นอน

    1. การทำซ้ำ เราต้องทำเรื่องเดิมซ้ำๆจนมันไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป เชื่อว่าทุกๆคนที่เคยเป็นนักกีฬาต่างรู้ดีว่าการทำบางอย่างซ้ำๆคือการสร้างความเชื่ยวชาญ นักฟุตบอบชื่อดังหลายๆคนที่เรารู้จัก เช่น เดวิด เบคแฮม ต่างไม่ได้เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในการยิงบอลได้อย่างแม่นยำ แต่หากเกิดจากความเพียรพยายามในการซ้อมยิงบอลเป็นพันๆหมื่นๆลูกเพื่อกระตุ้นให้กลายเป็นความเชื่อมั่น และหลายครั้งกลายเป็นสัญชาติญาณ การลงมือทำซ้ำๆบ่อยๆคือทักษะอย่างหนึ่ง ถ้าเราเป็นโปรแกรมเมอร์ การทำเทสให้เบื่อกันไปข้างหนึ่งคือวิธีที่ง่ายทีสุดในการสร้างโปรแกมที่จะไม่มีบัค ผมยังจำได้ครั้งแรกที่แข่งขันสุทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษต่อหน้าคน เป็นพันๆคน จำได้ว่าท่องสุนทรพจน์เป็นร้อยๆครั้ง ต่อหน้าครู เพื่อนๆ พี่ๆน้อง ครอบครัว พอขึ้นเวที มันกลายเป็นอัตโนมัติ
    2. การยืนหยัด อดทน หรือภาษาชาวบ้านที่เรามักได้ยินว่า กัดไม่ปล่อย สู้ไม่ถอย ใช่ครับ การทำซ้ำถ้าเป็นเรื่องที่ทำง่ายๆ การทำซ้ำคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่การที่เราพยายามทำบางอย่างซ้ำไปซ้ำมาและไม่ซ้ำสำเร็จ แล้วเรายังจะทำต่อหรือไม่ นั่นคือการที่เราไม่ยอมแพ้และลองหาวิธีใหม่ๆเพื่อจะทำสิ่งที่เราต้องการได้ เจเค โรวลิ่ง นักเขียน ลอร์ด ออฟ เดอะริง ชื่อดังไม่ได้ประสบความสำเร็จในการเขียนหนังสือชั่วข้ามคืน เธอใช้ความพยายามมากกว่า 10 ครั้ง กว่าที่จะมีสำนักพิมพ์ตีพิมพ์งานของเธอ คนหลายคนอาจจะพอทนได้ถ้ามีคนปฏิเสธครั้งสองครั้ง หรือสามครั้ง แต่ถ้าเราเจอบอกว่าไม่ ครั้งที่ห้า หก เจ็ด จากผลการวิจัย คนกว่า  80% นั้นล่าถอย และ ยิ่งถ้ามากกว่านั้น อาจเหลือเพียง ไม่กีเปอร์เซ็นที่ยืนหยัดต่อไปได้ โธมัส อัลวา เอดิสันล้มเหลวกว่าหมื่นครั้ง ก่อนที่จะพอวัสดุที่ทำให้เรามีดวงไฟส่องสว่าง
    3. การพูคให้กำลังใจตัวเอง  สิ่งที่เราคิดจะกลายเป็นสิ่งที่เราทำ บ่อยครั้งเหลือเกินที่เราหลายคนมักพรำ่บ่นกับตัวเอง ว่าเราไม่ดีอย่างนั้น อย่างนี้ แต่เชื่อเถอะว่า มีคนมากมายในโลกนี้มากเพียงพอที่พร้อมจะบอกเรามาว่าไม่ควรทำอะไร หรือว่าทำอะไรไม่ได้ แล้ว ทำไมเรายังต้องมาตอกย้ำให้ตัวเองเสียความมั่นใจไปเพื่ออะไรว่าเราทำอะไรไม่ได้ เทคนิคง่ายๆที่เราสามารถสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองนั้นคือ การพูดชมเชยให้กำลังใจตัวเอง เวลาที่ทำอะไรล้มเหลว และมองไปที่เป้าหมายมากกว่าที่จะไปให้น้ำหนักกับเรื่องที่ไม่ดีนัก ถ้าเราไม่ให้กำลังใจตัวเองแล้วใครจะให้เรา
    4. แปลความอย่างที่ตัวเองต้องการ เรื่องราวขำๆที่เคยได้ยินมาของชายคนหนึ่งที่ พยายามที่จะขอผู้หญิงคนหนึ่งออกเดท จนแล้วจนรอด เธอก็ไม่ยอมไปด้วย ด้วยความพยายามของเค้าเลยพยายามไปคุยกับเพื่อนของเธอ เลยรับรู้ว่า เธอบอกกับเพื่อนเธอว่า เธอจะออกเดทกับผู้ชายคนนี้ถ้าเค้าเป็นผู้ชายคนสุดท้ายที่หลงเหลือในโลก ชายหลายคนพอได้ยินคงถอดใจไปแล้ว แต่ชายคนนี้ตีคามแตกต่างออกไป เค้ากลับคิดว่า เค้ายังมีโอกาส ปัจจุบัน ชายคนนี้ได้แต่งงานกับเธอและมีลูกที่น่ารักสองคนอยู่ที่ประเทศอเมริกาครับ ฉะนั้นการตึความเพื่อให้กำลังใจตัวเองนั้นสำคัญมาก

    self-confidence