Category: Leadership

  • คุณคือผู้นำ (อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้)

    ทุกคนไม่ว่าทางใด ทางหนึ่ง เป็นผู้นำกันทุกคน แนวความคิดที่ว่านี้ไม่ใช่ว่าเราต้องเป็นซีอีโอ หรือประธานบริษัทแค่นั้น หากแต่เราทุกคนต่างมี ภาระหน้าที่ต้องเป็นผู้นำ มาดูกันว่าเราเป็นอันไหนกันบ้าง

    1. ผู้นำกลุ่มองค์กร บริษัท อันนี้ชัดมาก คนเหล่านี้มักได้รับมอบหมายงานให้อย่างชัดเจนว่าเค้าต้องเป็นผู้นำในองค์กร เราหลายคนอาจเป็นเจ้าของกิจการ บริษัท ห้างร้าน แต่การเป็นผู้นำนั้นเป็นทางเลือกหนึ่งที่เราต้องเลือกเป็น การเป็นเจ้าของไม่ได้ทำให้คุณเป็นผู้นำในทันที
    2. ผู้นำในสาขาอาชีพ ไม่ว่าคุณจะเป็นที่ปรึกษา หมอ นักพูด ผู้ประกอบการ นักกฏหมาย หรือว่านักแสดง เราต่างต้องมีวาระที่เราต้องเป็นผู้นำด้วยกันทั้งนั้น
    3. ผู้นำชุมชน วัด โบสถ์ การที่เราไปช่วยเหลือองค์กรการกุศล หรือ องค์กรที่ไม่ได้คาดหวังผลกำไร นั่นคือการเป็นผู้นำอย่างหนึ่ง ไม่เว้นแต่ ผู้นำลูกเสือ หรือว่าเนตนารี
    4. ผู้นำในครอบครัว การที่เราต้องตัดสินใจบางอย่างในเวลาที่เราอยู่บ้าน นั่นคือการเป็นผู้นำอย่างหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าเฉพาะพ่อหรือแม่เท่านั้นที่เป็นผู้นำได้ ลูกๆหลานๆก็เป็นได้
    5. ผู้นำที่ชอบให้กำลังใจ มีคำพูดดีๆที่ให้แรงบันดาลใจคนได้ หรือแม้แต่การเป็นผู้นำในกลุ่มเพื่อนจัดหาสถานที่ในการสังสรรค์
    6. ผู้นำทางด้านความคิด การที่เรามีความคิดที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน นั่นก็คือการเป็นผู้นำอย่างหนึ่ง
    7. ผู้นำทางด้านการกระทำ คุณอาจไม่ได้เป็นคนคิดเยอะ แต่เน้นไปในด้านการกระทำมากกว่า และหลายครั้งทำให้หลายคนอยากทำตามด้วย
    8. สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด ผู้นำชีวิตตัวเอง ไม่มีใครจะตัดสินใจนำพาชีวิตของเราไปได้ดีกว่าตัวเรา (ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนไม่ปรึกษาคนอื่นนะครับ) หลายคนคิดว่าชีวิตของเราผูกไว้กับคนอื่นให้คนอื่นเค้าชักนำ แท้จริงแล้ว เราต่างหากที่ไม่เลือกที่จะนำชีวิตของเราเอง เพราะว่าการไม่ตัดสินใจ ตือการตัดสินใจอย่างหนึ่ง
  • 4 เทคนิคการพูดที่ใครๆก็ทำได้

    หนึ่งในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและทำได้ง่ายสำหรับทุกคนคือการพูด แต่อุปสรรคหนึ่งที่มักได้ยินคนรอบข้างคิดคือพูดอย่างไรให้คนฟัง หรือพูดให้น่าฟัง ที่สำคัญทำได้ทุกคนด้วย

    1. ชัดเจน คนส่วนใหญ่มีสมาธิกับเราไม่เกิน 10 วินาที ถ้าสิ่งที่เราพูดไม่ชัดคนฟังจะไม่ฟังต่ออย่างตั้งใจ(หรือไม่ฟังเลย) หลายคนมักเข้าใจผิดว่าคำพูดที่สวยหรูดีกว่าความชัดเจน
    2. ง่าย จินตนาการว่าเรากำลังเล่าเรื่องให้เด็กอายุ 5 ขวบฟัง แล้วจะทำให้เราตัดคำที่เข้าใจยากออกและแปลเป็นภาษาที่ใครๆก็ฟังได้ ความง่ายเป็นการแสดงถึงความใส่ใจต่อผู้ฟังของเรา
    3. เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ถ้าเราไม่สามารถทำให้ตัวเราเองมั่นใจในสิ่งที่พูดแล้ว ก็เป็นการยากที่จะแตะต้องหรือสัมผัสใจผู้ฟังเราได้ อย่าลังเลที่จะเทความกระหายที่อยากบอกพร้อมกับคำพูดที่ชัดเจน และเข้าใจง่าย
    4. ฝึกฝน แม้แต่คนที่นับว่ามีความสามารถในการพูดอย่าง Steve Jobs ยังซ้อมพูด เราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน การซ้อมพูดทำได้ง่ายๆ เช่น พูดในหัวเรา หน้ากระจกเงา หรือแม้แต่ลองพูดให้คนรอบกายเราฟัง
  • ความกลัวคือเพื่อนของเรา

    ความกลัว คือ อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากภาวะที่ถูกคุกคาม ซึ่งทำให้รู้สึกอยากจะดึงตัวออกจากภาวะดังกล่าว ความกลัวเป็นสัญชาติญาณที่เกิดจากสิ่งเร้า เช่น ความเจ็บปวด หรือ ความอันตราย (จาก วิกิพีเดีย)(https://en.wikipedia.org/wiki/Fear)

    คนที่กล้าหาญนั้นไม่ใช่ไม่กลัว แต่คนเหล่านั้นรู้จักและเข้าใจความกลัว และรู้ว่าจะจัดการมันได้อย่างไร วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจว่าทำไมความกลัวคือเพื่อนเรามาตั้งแต่เราเกิด

    จำเวลาที่เราหัดขึ่จักรยาน ฝึกขับรถ หรือเริ่มฝึกทำอะไรใหม่ คงเป็นเรื่องที่แปลกถ้าคนที่เริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ เหตุผลหลักของความกลัวดังกล่าวคือ ความไม่รู้ และการที่เราได้มีโอกาสฝึกฝนบ่อยครั้ง ความกลัวนั้นไม่ได้หายไปไหน แต่ได้กลายรูปไปเป็นสติ ที่เตือนให้เราเป็นคนรอบคอบ ระแวดระวัง งานวิจัยจากหลายๆที่ได้บอกว่า ความกลัวคือสัญลักษณ์ของการวิวัฒนาการของมนุษย์ ส่วนหนึ่งของความคิดสร้างสรรค์ของคนนั้นล้วนมาจากความกลัวทั้งสิ้น

    เคยสังเกตุตัวเองมั้ยว่าเวลาที่เราจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆนั้น บ่อยครั้ง ต้องถูกกระตุ้นด้วยแรง และอำนาจของความกลัว เนื่องจากความกลัวส่วนใหญ่มักอยู่ในรูปแบบที่เป็นไปในทางด้านลบ และ การที่เราก้าวผ่านจุดนั้นไปได้เราก็มักมีทักษะใหม่ๆติดตัวมาด้วย แต่ข่าวร้าวของความกลัวคือ ระยะเวลาในการก้าวข้ามผ่านความกลัวของแต่ละคนไม่เท่ากัน ดังนั้น เรื่องบางเรื่องอาจเป็นการง่ายของเราที่จะก้าวผ่านไป แต่กับหลายคนอาจเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลามากกว่าเรา

    จากประสบการณ์ วิธีการก้าวข้ามผ่านความกลัวไปได้เร็วที่สุดคือการกระโดดลงไปทำในเรื่องดังกล่าวทีละเล็กละน้อย และที่สำคัญต้องเตือนตัวเองว่าต้องเรียนรู้เรื่องดังกล่าวให้เร็วที่สุด และพยายามอย่าเรียนซ้ำ เพราะว่าการเรียนซ้ำนั้นบางครั้งจะทำให้เราฝังรากของความกลัวที่อาจต้องใช้เวลาที่นานขึ้นกว่าที่จะก้าวข้ามผ่านไปได้  และยิ่งดีไปกว่านั้นคือการหาเพื่อนร่วมทาง ในการทำเรื่องดังกล่าวไปพร้อมๆกัน เพื่อจะได้เห็นมุมมองของคนอื่นเพื่อเราจะได้เรียนรู้ได้เร็วขึ้น และอาจแปรความกลัวดังกล่าวให้กลายเป็นคามสนุกไป

    ดังนั้น ก่อนนอนคืนนี้ ลองนึกถึงสิ่งที่เรากลัวซักหนึ่งอย่าง และดูว่าสิ่งนั้นเราได้ลองลงมือทำแล้วหรือยัง และหากได้ลองทำแล้ว เราได้เรียนรู้อะไรจากการลงมือทำหรือไม่ ไม่แน่ คำถามง่ายๆแค่สองคำอาจทำให้เราก้าวข้ามผ่านความกลัวที่เรามีไปได้เร็วขึ้นก็เป็นได้

  • จากข้อมูลสู่สติปัญญา

    undspectrum

    การได้มาซึ่งสติปัญญานั้น ไม่ได้ใช้เวลาเพียงแค่ข้ามคืน หากแต่เป็นความตั้งใจของเราทุกคน (ย้ำว่าทุกคนทำได้) ที่พยายาม แปลข้อมูลดิบของเราให้กลายเป็นประเด็นสิ่งที่เราสามารถที่จะบอกต่อให้คนอื่นไปใช้งานได้ หรือ การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ความรู้นี้เองที่ต้องการ การใช้งานประเด็นที่เราได้มาแล้วกลั่นกรองมาเป็นข้อสรุปซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการตัดสินใจในการแก้ปัญหาครั้งต่อไป

    สติปัญญาเป็นของหายากและไม่สามารถสอนกันได้ อย่างมากที่สุดที่ทำได้ก็แค่เพียงการชี้แนวทาง เพราะการได้มาซึ่งสติปัญญานั้นเป็นเรื่องส่วนตัวที่เราต้องทำเอง ส่วนหนึ่งคือการใช้เวลา ถามตัวเองเสมอว่า ดี แย่ และทำอะไรได้ดีกว่าเดิม

    การทำงานแบบอไจล์มีการคิดถึงสิ่งที่เราทำไปแล้วว่าเราสามารถปรับปรุงอะไรร่วมกันได้ ซึ่ง แน่นอนถ้า เรื่องทีปรับปรุงไม่หยั่งรากลึก ผลที่ได้มักไม่ค่อยยั่งยืนหรือว่าเห็นผลสูงสุด หากแต่ทีมใดที่สามารถมีภาพเดียวกันได้ว่าอยากพัฒนาปรับปรุงอะไร จะเป็นการสร้าง สติปัญญาของทีม ซึ่งนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างไม่น่าเชื่อ

  • เราจะเผชิญหน้ากับ Mr. Know It All อย่างไร

    โดยส่วนตัวชื่นชมคนที่เป็นคนรอบรู้ ซึ่งก็มีคละเคล้ากันไป ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือว่า ผู้ใหญ่ และด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนัก เลยรู้สึกตึ่นเต้นทุกครั้งที่ได้เจอคนเหล่านี้

    เช่นเดียวกัน บ่อยครั้งที่เราต้องไปร่วมวงสนทนา และเจอคนที่ดูเหมือนจะรู้ทุกอย่าง แต่ดูผิวเผินมาก พอถามลงลึก ก็พยายามตอบ หรือมั่วจนเรางง

    คนเหล่านี้ มักพยายามหยุดคนทุกคนที่ความคิดเห็นไม่เหมือนกับเค้า และรู้สึกว่าความคิดของตนเองถูกเสมอ คนเหล่านี้เดูเหมือนรู้ทุกอย่าง แต่ทุกอย่างที่เค้ารู้เป็นแค่ผิดเผินไปหมด วิธีการที่ดีที่สุดคือการทำความเข้าใจแรงบันดาลใจเบื้องหลัง

    นักวิชาการหลายคนบอกว่า คนเหล่านี้มักเข้าใจผิด ระหว่าง ความรู้ กับ ความเข้าใจ และแยกไม่ออกว่า อะไรที่ตัวเองพอมีความรู้ หรืออะไรที่มีทั้งความรู้ และสามารถวิเคราะห์เป็นความเข้าใจที่นำไปใช้ได้จริงด้วย คนเหล่านี้รู้สึกว่าการได้อ่านเนื้อหาบางอย่าง ผ่านตาไปมาก็จะทำให้เค้าสามารถไปคิดว่าเป็นความเข้าใจได้

    วิธีการที่จะทำงานกับคนเหล่านี้คือ การไม่ทำอะไร เพราะว่าเมื่อไหร่ที่เราพยายามจะไปแก้ไขคนเหล่านี้ เรามักตกเข้าไปอยู่ในวงสนทนาที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไหร่นัก ทางที่ดีคือ รับฟังคนเหล่านี้ และ จากไปอย่างสงบ เวลาจะเป็นสิ่งที่ทำให้ความกระจ่างชัดมากขึ้น ซึ่งความชัดเจนนี้จะเกิดกับคนเหล่านี้เอง แต่ถ้าบังเอิญคนเหล่านี้เป็นเพื่อนที่เรารัก สิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำคือ การคุยกับเค้าเป็นการส่วนตัว และบอกไปตรงๆถึงเรื่องที่ดูเหมือนเค้าจะรู้ไปหมด แต่เป็นเพียงแค่ผิวๆ แต่ระลึกไว้เสมอว่า เราต้องพูดความรู้สึก ของเราด้วยความรัก (ถ้าทำไม่ได้อย่าทำ)

     

  • ถ้า ฉันมี _______มากขึ้น ฉันจะ__________

    บ่อยครั้งแค่ไหนที่เรามักบอกกับตัวเองว่า

    ถ้าฉันมีเงินล้าน ฉันจะทำ_____

     ถ้าฉันเกษียน ฉันจะช่วยเหลือสังคม

    ถ้าฉันมีเงินมากพอ ฉันจะพูดสิ่งที่ฉันคิด

    ถ้าฉันเป็นเจ้าของ ฉันจะ……

    ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนที่มักได้ยินจากผู้นำมากมายที่มีโอกาสได้สัมผัสว่า เค้าจะทำตามความปราถนาอย่างแรงกล้า ก็ต่อเมื่อเค้าได้สิ่งนั้นสิ่งนี้

    ทุกอย่างต้องรอไปก่อน รอไปก่อน รอๆๆๆ

    ไม่ได้กำลังบอกว่าต้องทำทุกอย่างทันที เพราะว่าสิ่งที่เราอยากทำนั้นมีความสำคัญไม่เท่ากัน

    หากแต่อยากให้เรานึกดีๆว่า เหตุผลที่เราพยายามบอกว่าไม่พูด หรือไม่ทำบางอย่างนั้น มันทำไม่ได้จริงๆ เป็นแผนการอันล้ำลึก หรือเป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่จะก้าวไปในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย และอาจจะเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล

     

  • 3 สาเหตุที่พนักงานที่มีงานที่ดีและมั่นคงถึงล้มเหลว

    “โตขึ้นอยากเป็นอะไร”

    “หนูมีความฝันว่าอะไร”

    มันดูไม่สมเหตุสมผลเหลือเกิน ถ้าเราเอาเหตุผลที่คนมากกว่า 90% ของโลกนี้ต่างเชื่อว่าถ้าเราอยู่ในอาชีพการงานที่ดีแล้วตั้งใจทำงานหนัก แล้วเราจะประสบการณ์ความสำเร็จในชีวิต เพราะอะไรเรามาดูกัน

    1.  พนักงานที่ดีอาจทำให้เรามีรายได้ที่ดี ที่ทำให้เราสร้างกำแพงที่ปิดกั้นความฝันของเรา หลายคนบอกว่าไม่จริง เพราะว่าเราได้ทำสิ่งที่เรามีความสุขในสิ่งที่เราทำอยู่ แต่ คิด คิด คิด ให้ดีถึงความฝันในวันเด็ก สื่งที่เราทำอยู่คือความฝันของเราหรือเปล่า หรือเป็นเพียงแค่ ความฝันที่ถูกหยิบยื่นให้จากคนอื่น เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะว่าถ้าเราไม่ทำตามความฝันที่คนอื่นสร้างขึ้น มันจะทำให้เราไม่มีความสุข พอไม่มีความสุข เราก็ทำงานได้ไม่ได้ดีเยี่ยม และ ผลลัพธ์คือ______

    2.  พนักงานที่ยอดเยี่ยมต้องทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆเพื่อให้ผลลัพธ์ดีขึ้นเรื่อยๆ หลายคนอาจบอกว่า ไม่จริง เราก็กระจายงานให้คนอื่นทำให้เราดีกว่าเราเพื่อเราจะได้ทำงานเบาลง งานวิจัยมากมายที่เห็นกันเกลื่อนกลาดต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ความรับผิดชอบมักสูงขึ้น เป็นเงาตามตัวเวลาที่เราสามารถบริหารจัดการงาน และคนเพื่อสร้างผลงานให้มากขึ้น ผลลัพธ์ที่ชัดเจนคือ สุขภาพเสื่อมลง โรคความเครียด ความดัน เบาหวาน คลอเรสเตอรอล หัวใจ พากันรุมเร้า และผลลัพธ์คือ_____

    3. พนักงานที่ดีมักตีกรอบความคิดของคนรอบข้างโดยไม่รู้ตัว ลองจินตนาการว่า ถ้าวันที่ลูกเราอยู่ในวัยเรียน เป็นเด็กที่ผลการเรียนยอดเยี่ยม แล้วเดินมาหาเราบอกกับเราอย่างตื่นเต้นว่า พ่อครับ แม่ครับ ผมรู้แล้วครับว่าผมอยากจะเป็นอะไรในอนาคต เราอาจจะตื่นเต้นกับลูกไปด้วยกับความรู้สึกถึงความฝันอันแรงกล้าของลูกเรา และเราอาจถามว่า แล้วอยากเป็นอะไรล่ะ แล้วลูกอมยิ้มแล้วตอบเราว่า ผม/ หนูอยากเป็นนักมายากลครับ พนักงานที่ดีอาจจะอื้งในคำตอบและพูดว่า ลูกเก่งเลขนี่นา ทำไมถึงอยากเป็นนักมายากลล่ะ การเป็นนักมายากลรายได้ไม่มั่นคงนะ และเหตุผลอื่นๆอีกมากมาย และผลลัพธ์คือ______

    คงไม่ได้กำลังบอกว่าการเป็นพนักงานเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่หากการได้ทำตามความฝันของเราไม่ว่าเราอยู่ในสถานะอะไรเป็นสิ่งที่ต้องทำ ย้ำว่า ต้องทำเพราะว่า เราคงไม่อยากเจอกับฝันร้ายที่เราไม่สามารถบอกกับลูกได้ ว่า เชื่อพ่อ เชื่อแม่ ทำตามความฝันของลูกนะ เพราะว่า พ่อกับแม่ได้ทำมาแล้ว (ไม่สำคัญว่าจะสำเร็จหรือไม่)

    หรือว่าเราอยากจะบอกกับลูกว่า พ่อแม่ทำตามความฝันไม่ได้เพราะว่า พ่อแม่มี ลูกน่ะแหล่ะ

    ลองคิดดู

  • อย่าด่วนตัดสิน เพราะ วิดีโอของเราไม่เหมือนกัน

    ผมว่าเราหลายคนคงเคยอยู่ในสถานการณ์ที่ ถามตัวเองว่า

    ทำไมนาย หรือ เธอคนนั้นถึง ไม่ทำในสิ่งที่คนทั่วไปเค้าทำกัน และหลายครั้งหนทางก็ดูมืดมนในความพยายามของเรา เพื่อจะทำให้ใครซักคนเข้าใจว่า สิ่งที่เค้าทำอยู่เป็นสิ่งที่สร้างผลเสีย ประเด็นส่วนใหญ่ที่เจอก็คือ เรามักเข้าใจว่าคนทั่วไปน่าจะเข้าใจ เรื่องนั้น เรื่องนี้ได้ ไม่เห็นจำเป็นที่จะไปบอกเค้า เค้าน่าจะคิดเองได้

    แต่ว่าแท้จริงแล้ว งานวิจัยของ Chris Argyrisให้คำจำกัดความถึงการมนุษย์ทุกๆคนมีความแตกต่างกันอย่างไม่น่าเชื่อ พอสรุปเพื่อให้เห็นภาพได้คร่าวๆว่าทำไมบางคนถึงมีสรุป วิธีการลงมือทำหรือความเชื่อที่อาจดูแตกต่างอย่างไม่น่าเชื่อ

    งานวิจัยว่า สมองคนเราเก็บภาพทุกอย่างเสมือนการเก็บภาพวีดีโอ ฉะนั้น วิดีโอของเราทุกคนไม่เหมือนกัน ดังนั้น พอเราเจอสถานการณ์อะไร เราก็เลือกเอาส่วนที่เราอยากจะรับรู้ หรือสอดคล้องกับภาพวีดีโอของเราที่มีในหัว การเลือกภาพนั้นนำไปสู่การสรุปว่าเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นอย่างไร และนำไปถึงความเชื่อ ที่บ่อยครั้ง ก็กลายเป็นการกระทำ

    มาถึงตรงนี้หลายคนอาจเข้าใจว่า แสดงว่าถ้าเราสามารถที่จะเปลี่ยนวีดีโอของเค้าได้ เราก็จะทำให้คนอื่นเป็นอย่างเรา หรือทำงานร่วมกับเราได้

    แต่แท้จริง เราควรจะถามตัวเองต่างหากว่า แล้วคนอื่นเค้าต้องมีวีดีโอที่เหมือนเราหรือไม่ และถ้าวีดีโอของเราเหมือนกัน แล้ว ความหลากหลายทางความคิดจะยังมีอยู่หรือไม่ ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่จะคอยเตือนตัวเองเสมอเวลาเจอคนที่อาจจะคิดไม่เหมือนเรา คือ วีดีโอของเราทุกคนไม่เหมือนกัน และ ความไม่เหมือนกันนี้แหล่ะคือความสวยงามของมนุษย์ ถ้าเรารักคนอื่น (หรือคนนั้นมากพอ) เราอาจจะเริ่มจูนคลื่นไปเข้าใจวีดีโอของคนอื่นบ้าง เผื่อบางทีเราอาจจะมีภาพมุมใหม่ที่อาจจะทำให้เราเปลี่ยนวิถีการทำงานไปเลยก็ได้

  • TPSE Talk @Software Park Thailand: Building High Performance Culture

    logo_tpseconf

    I owe a big favor to Amr Elsamadissy as he taught me many things about Agile and Coaching.  It was a life changing experience to know the responsibility ladder which was well taught by Christopher Avery.

    In the talk at Software Park Thailand for the first Thailand Practical Software Engineering Conference, I’m being honored to share the topic building the high performance culture as part of the project manager. Here’s the excerpt of the talk..

    “Why and How project manager must deliver high performance culture as part of deliverables?”
    By the book, project manager is tasked to deliver the project with standard project management triangle, time, budget, scope, with quality at the heart of the project. Nevertheless, far too many times, we witness the failure of the project especially software even though the project manager is so capable of delivering business needs. At time, project may seem to be successful but not long after the departure of glorified project manager, the project success is heading downhill. Together, we will exchange the experiences from the trenches that may change your perception on project manager roles and responsibilities. We will look at the basic human dynamic that will change your project result forever.

    See you all tomorrow at the afternoon session, Software Park Thailand. For more information about the event go to http://www.tpseconf.org

     

     

  • คุณฟัง หรือ แค่ได้ยิน

    หนึ่งในสิ่งที่ง่ายที่สุด และยากที่สุดของคนคือการฟัง

    การฟัง คือ การได้ยิน และเอาไปคิด

    หลายคนสับสนว่าการช่วยเหลือผู้คนที่ดีที่สุดคือการเข้าไปช่วยเหลือเลย แต่หากความเป็นจริงคือ การโดดเข้าไปช่วยอาจเป็นดาบสองคมที่ทำให้เรายัดเยียดสิ่งที่คนอื่นไม่ต้องการก็เป็นได้

    ฉะนั้นความช่วยเหลือที่ดีทีสุดที่เราทำได้ ต่อผู้คนที่อยู่รอบตัวเรา บางครั้งอาจเป็นแค่ไปนั่งฟังเค้า และพยายามช่วยเค้าในสิ่งที่เค้าอยากทำ และ เงื่อนไขส่วนใหญ่ที่คนจะเริ่มไว้ใจให้เข้าไปช่วยเหลือคือ

    1. ต้องเก็บความลับได้
    2. เป็นเรื่องส่วนตัว
    3. ให้ความช่วยเหลือได้อย่างมหัศจรรย์

    ต้องยอมรับว่าส่วนตัวเคยพยายามช่วยเหลือคนอื่นด้วยความรู้สึกว่า เรารู้ดีกว่า ผ่านอะไรมามากกว่า แต่แท้จริงแล้ว การช่วยเหลือผู้คนที่ดีที่สุดคือค้นให้เจอว่าคนอื่นอยากได้อะไร และทำสิ่งที่ทำให้ความปราถนาลึกๆนั้นสำเร็จ

    วันนี้คุณได้หยุดพูด และ ได้ฟังคนอื่นจริงๆ หรือเปล่า?