Blog

  • เป้าหมายปี 2014

    1. เข้าแข่งขันไตรกีฬาภายในวันที่ 30 กันยายน ให้เป็นของขวัญวันเกิดตัวเอง
    2. สร้างนวัตกรรมใหม่ให้เกิดในวงการไอทีโลก
    3. อ่านหนังสึอให้ได้เพิ่มอีก 50 เล่มจากปีก่อน ด้วยการเพิ่มความเร็วเฉลี่ยการอ่านให้อยู่ที่ 800 คำต่อนาที
    4. ตั้งใจเรียนภาษาจีนสำหรับธุรกิจให้สามารถใช้งานในแวดวงธุรกิจได้
    5. ช่วยคนอย่างน้อยหนึ่งคนให้มีชีวิตใหม่ที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทั้งด้านการเงิน จิตวิญญาณ และ สุขภาพ
    6. ออกสอนวัฒนธรรมประสิทธิภาพสูงให้กับทั้งภาคเอกชน รัฐบาล และ การกุศล

     

  • ๓ สิ่งที่ดีที่สุดของปี 2013

    หลากหลายเรื่องราวประทับใจมากมายที่เกิดในปี  2013 แต่ขอเลือกสามพระพรไว้ช่วยเตือนความจำตัวเอง

    1. พระพรที่ได้เจอคนที่ทำให้เราได้พัฒนาศักยภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านธุรกิจข้ามชาติ ในหลากหลายประเทศ ทำให้เราเข้าใจวัฒนธรรมของชาติอื่นๆมากขึ้น เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศใหม่ที่ถูกบรรจุเข้าสู่ความทรงจำ ได้มีโอกาสเจอะเจอผู้ใหญ่มากมายในแวดวงธุรกิจ ให้โอกาสเราในการพิสูจน์ว่าทุกอย่างเป็นไปได้ถ้าเราไปด้วยกัน สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้มากขึ้นไปอีกคือ ยิ่งเป็นคนเก่งมาก ก็ยิ่งฟังมาก ปีนี้ได้เจอคนเหล่านี้เยอะจริงๆ
    2. พระพรเรื่องลูกแฝด ที่ไม่ได้คาดการณ์ แต่เป็นเรื่องดี เพราะทำให้เรารู้ว่าการเป็นพ่อที่ดีนั้น มันยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็สู้แม่ไม่ได้ เพราะว่าเหนื่อยกว่าพ่อเป็นล้านเท่า ขอบคุณภรรยาที่สุดแสนจะอดทน น่ารัก และไม่บ่นเลยแม้ว่าจะได้นอนไม่เกิน สี่ชั่วโมง มาเป็นเวลาห้าเดือนแล้ว ขอบคุณสำหรับครอบครัวทั้งไทยและเทศที่มาช่วยกันทำให้ครอบครัวเราสมบูรณ์ขึ้น ทำให้เราได้มีเวลาปรับตัวก่อนที่จะเป็นครอบครัวเดี่ยวดังที่ใจหวัง
    3. พระพรเรื่องจิตวิญญาณที่ทำให้เราก้าวข้ามขั้นไปอีกหนึ่งขั้นในการให้ความไว้วางใจพระเจ้าที่ บางครั้ง บางเรื่องมืดแปดด้าน แต่พระเจ้าทรงเปิดด้านที่เก้ามาให้เราได้เห็นทางสว่าง แม้แต่ในเส้นทางธุรกิจที่พระเจ้ายังได้ส่งคนมาคอยให้กำลังใจ และสนับสนุนเราเรื่อยมา ขอบคุณภรรยาอีกเช่นกันที่อยู่เคียงข้าง และคอยหนุนใจเวลาที่ท้อแท้ เธอคือพระพรฝ่ายจิตวิญญาณเช่นกัน
  • ความมั่นใจมากเกินไป

    วันก่อนแบ่งปันมุมมองในการสร้างความมั่นใจที่ใครๆก็ทำได้ เลยเริ่มมีคนมาถามว่าแล้วความมั่นใจมากเกินไปนั้นเป็นอย่างไรและเราจะเตือนตัวเองได้อย่างไรไม่ให้มั่นใจมากเกินไป

    ต้องยอมรับว่าส่วนตัวแล้วหลายครั้งก็เป็นคนมั่นใจมากเกินไป และบ่อยครั้งก็เป็นโทษเสียด้วย ดังนั้นจึงต้องคอยเตือนตัวเองเสมอ ซึ่งพอจะนึกออกคร่าวๆคือ

    1. ต้องฟังความคิดเห็นทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ไอเดียที่เล็กน้อยและดูเหมือนไม่มีคนฟัง และอดใจที่จะหยุดตัดสินความคิด
    2. ต้องรู้ว่าเราไม่รู้อะไร และรู้อะไร คนที่มีความมั่นใจมากเกินไปมักบอกว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญเกือบทุกด้านอย่างเหลือเชื่อ
    3. ยอมรับความล้มเหลวต่อหน้าผู้คนและขอโทษไดั เรารู้ดีว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ คนที่มีความมั่นใจมากเกินมักคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำถูกเสมอ หรือพอผิดแล้วกลบเกลื่อนไม่ยอมรับว่าทำพลาด
    4. รับใช้ผู้อื่นช่วยทำให้เราถ่อมใจได้ ทักษะหนึ่งของคนที่มีความมั่นใจคือการถ่อมใจ หลายคนคิดว่าการถ่อมใจคือการไม่เป็นคนมั่นใจในตัวเอง หากแท้จริงแล้วเป็นของที่ไปคู่กันอย่างดี การที่เราถ่อมเพื่อไปรับใช้คนอื่นบ้างจะทำใหัโลกทัศน์เรากว้างขึ้น
    5. การเก็บ feedback จากคนรอบด้านช่วยให้เราดึงสติตัวเองกลับมาเรื่อยๆ
    6. หยุดทำตัวให้เป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง เป็นผู้ตามที่ดีบ้างก็ได้ คนที่มีความมั่นใจตัวเองมักเสพย์ติดการชื่นชมจากคนรอบด้าน และหลายครั้งพอไม่มีคำชมจากคนอื่นก็เริ่มยกย่องตัวเองให้เป็นตัวอย่าง อย่างไม่รู้ตัว
    7. หยุดคิดว่าสิ่งที่เราทำไดัหรือคิดได้ เราทำได้คนเดียว เพราะส่วนตัวเชื่อว่าไม่เคยมีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นในโลกนี้ มีแต่คนพยายามแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการที่แตกต่างไป

  • คิดให้รอบคอบ

    ความรอบคอบเป็นคุณสมบัติที่ดีถ้าใครจะมีไว้ แต่หากหลายครั้งหลายคนมักอ้างความรอบคอบด้วยการไม่ตัดสินใจ

    การไม่ดัดสินใจเป็นการขาดความรอบคอบอย่างหนึ่งคือการที่เราไม่สามารถคิดได้ว่าการที่เราไม่ตัดสินใจนั้นก่อให้เกิดปัญหาอะไรได้บ้าง

    ฉะนั้นอยากให้ถามตัวเองว่า เรากำลังไม่ตัดสินใจอะไรบางอย่างเพราะเรากำลังวางแผนงานเพื่อความรอบคอบ หรือเราแค่อ้างความรอบคอบเพื่อไม่ตัดสินใจ

    เพราะเมื่อเราไม่ตัดสินใจมันคือการตัดสินใจอย่างหนึ่ง

  • ครอบครัวเดี่ยวนั้นสำคัญไฉน

    วัฒนะธรรมของคนในแถบเอเชียคือการอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ เมื่อลูกชายแต่งงานกับหญิงใด ส่วนใหญ่จึงมักย้ายเข้ามาอยู่ในครอบครัวฝ่ายชาย

    หลากหลายเรื่องราวที่เคยได้ยินสำหรับคู่ชีวิตหลายคู่ที่มักอยู่ด้วยกันไม่ได้เพราะว่าฝ่ายหญิงเองไม่สามารถปรับตัวเข้ากับครอบครัวของฝ่ายชายได้

    ในบางคู่นั้นดีหน่อยที่ฝ่ายชายเข้าใจและย้ายออกไปอยู่เป็นครอบครัวเดี่ยว เพราะเข้าใจว่าการที่คนสองคนมาจากครอบครัวที่ต่างกัน การปรับตัวนั้นก็ยากพออยู่แล้ว ถ้าดันมาเจอพ่อตาแม่ยาย หรือว่าพี่น้องของฝ่ายชายอีกคงเป็นเรื่องยากที่ชีวิตคู่จะอยู่ด้วยกันยาก

    โดยส่วนตัวเชื่อว่าการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ต้องเป็นครอบครัวเดี่ยว แล้วถ้าเกิดมีลูกขึ้นมา ในช่วงเดือนแรกถึงสามเดือนอาจพออลุ่มอล่วยให้ฝ่ายหญิงไปอยู่กับแม่ของตน เพราะว่าเป็นช่วงที่ต้องการกำลังใจจากแม่แท้ๆ
    หลังจากนั้นต้องย้ายออกเพื่อว่าจะได้เริ่มปูพื้นฐานการเลี้ยงลูกในแบบฉบับของสองสามีภรรยา

    จะร้ายจะดีจะได้ไม่มีข้ออ้างให้ตัวเองว่าเกิดจากการเลี้ยงดูของคนอื่น และเป็นการสร้างความรับผิดชอบให้กับทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ไม่ใช่สักแต่ต้องไปพึ่งพ่อแม่ของตน

  • เมื่อผมกลับไปเป็นนักพัฒนาอีกครั้ง (6 วัน ที่วอดวาย)

    อาทิตย์นี้มีโอกาสได้ไปนั่งเรียน Certified Scrum Developer ของ บริษัท  Odd-e  รู้สึกตัวเองได้เรียนรู้อะไรมากทีเดียว

    หลักสูตรทั้งหมดเรียนทั้งหมดหกวัน วันนี้เป็นวันที่สาม แต่เริ่มได้อารมณ์ตกผลึกจากการทำงานร่วมกันของคอร์สนี้

    อาจงงว่า ไปเรียนไม่ใช่หรือ ทำไมไปทำงาน?

    หลักการของคอร์สนี้คือเอาผู้เรียนเป็นศูนย์กลางสลับกับการสอน ปนกันไป สิ่งที่ได้เรียนรู้อย่างมากนอกจากเนื้อหาที่ดีแล้ว คือ

    1. ความวุ่นวาย เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามีข้อตกลงที่ชัดแล้ว งานเดินได้
    2. นักพัฒนาควรจะได้รับการฝึกฝนเรื่องของการใช้  Editor ให้คล่องเพราะว่ามันประหยัดเวลาไปเยอะมาก
    3. เขียนเทสก่อนเสมอดูเหมือนเสียเวลามาก แต่มันทำให้โค๊ดกากๆของเราทำงาน และกลายเป็นโค๊ดที่ใช้งานได้ในที่สุด
    4. จำไว้เสมอว่า เวลาพัฒนาโปรแกรมให้ทำงานให้ออกมาก่อน แล้วดีไซน์ทีดีจะค่อยๆมาเอง (อย่าลืมทำเทสก่อนด้วย)
    5. จำนวนสมองที่คิดอย่างเป็นระบบ มีประโยชน์กว่าจำนวนมือที่อยู่บนคีย์บอร์ด
    6. ใช้  Mock เยอะเกินไปทำให้เราด้อยประสิทธิภาพในการเขียนเทส
    7. โค๊ดที่ดีไม่มีจริง (เพราะว่านักพัฒนามีความชอบและสไตล์ไม่เหมือนกัน  มีแต่โค๊ดที่ไม่มีกลิ่นเหม็น (smell) ไม่เหม็นยังไง จะมาเล่าให้ฟังวันหลัง
    8. การได้กินของว่าง และฟังเพลง ระหว่างเขียนโค๊ดนั้นเเพิ่ม ประสิทธิภาพมาก
    9. การทำให้  Continuous Integration  พูดได้นั้นทำให้ทำงานสนุกมากเพราะว่าเวลาใครทำโค๊ดใครพัง มันชัดมาก (ใส่เสียง South Park ให้ด่าได้ด้วย)
    10. การสลับคู่ทำงานไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยดี จะดีกว่าถ้ามีคนที่ทำงานเดิมยืนพื้น

    มีอีกเยอะ ถ้าอยากรู้เพิ่มแนะนำให้ไปเรียน Certified Scrum Developer ของ Odd-e (ติดต่อ roof@odd-e.com) ซึ่งไม่รู้ว่าจะจัดอีกครั้งเมื่อไหร่

     

     

  • เราต้องการให้โลกนี้ยุติธรรมจริงหรือ

    พักนี้มักได้ยินคนพูดถึงความยุติธรรม บ่นเรื่องความไม่เท่าเทียมกัน ทำไมคนนั้นได้อย่างนั้น ทำไมคนนั้นได้อย่างนี้ ทำไมๆๆ

    โดยส่วนตัวแล้วสิ่งหนึ่งที่จริงแท้และเที่ยงธรรมที่สุดในการเกิดมาเป็นสิ่งมีชีวิตคือ เราทุกคนต้องตาย นอกนั้น อย่าได้ถามหาความยุติธรรม

    สิ่งมีชีวิตหลายอย่างในโลกนี้เกิดมาพักเดียวก็ตายแล้ว ถ้าเราจะมองหาความยุติธรรม ในโลกนี้ มันก็คงไม่ยุติธรรม

    การที่คนหลายคนทำความดี เพื่อสังคม เค้าไม่ได้ทำเพื่อความยุติธรรม แต่เชื่อเถอะว่าเค้าทำเพื่ออะไรบางอย่าง

    บางอย่างนั้น อาจจะเป็นความสบายใจ ความสุขทางใจ และผมเชื่อเสมอว่า คนเรานั้นทำอะไร เพื่ออะไรบางอย่างอยู่แล้ว แล้วแต่ว่ามันคืดอะไร

    บางคนอาจจะอยากได้บางอย่างที่กฏของสังคม ไม่ยอมรับ ก็โดนสังคมประนาม หรือ ติดคุกติดตารางกันไป บางอย่างที่ไม่รุนแรงมาก อย่างมากก็โดยด่าว่า

    คนที่รวยกว่า ประสบความสำเร็จกว่า ก็เป็นเพียงแค่คนกลุ่มหนึ่งที่ทำบางอย่างให้คนกลุ่มหนึ่งมีมความสุขที่จะใช้สินค้า ผลิตภัณฑ์ หรือบริการ มากกว่าก็เท่านั้นเอง

  • ความมั่นใจในตัวเองสร้างได้ ด้วย 4 ขั้นตอน

    สำหรับหลายๆคนความมั่นใจคงเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจมีมาแต่กำเนิด แต่ส่วนตัวเชื่อว่ามีคนอยู่ไม่น้อยทีเดียวที่ ขาดความมั่นใจ และหลายครั้งไม่กล้าทำบางอย่างทั่งๆที่รู้ว่าตัวเองทำได้ เพียงเพราะขาดความมั่นใจ หลายคนเชื่อว่าความมั่นใจเป็นสิ่งที่ติดตัวมา และเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับใครหลายคน แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ความมั่นใจเป็นเรื่องที่สร้างได้ถ้าเราเริ่มต้น โจทย์หนึ่งที่เจออยู่เป็นประจำในการเป็นโคชคือต้องหาทางที่จะบอกวิธีการสร้างความมั่นใจอย่างง่ายที่ใครก็สามารถเอาไปต่อยอดได้ โดยส่วนตัว

    ความมั่นใจในตัวเอง คือ ทักษะอย่างหนึ่งในการที่เราสามารถที่จะสร้างความเชื่อให้กับตัวเองในการทำอะไรก็ได้ที่เราต้องการให้สำเร็จลุล่วงไปได้ ไม่ว่าจะมีอะไรกั้นขวาง

    ซึ่งพอจะคิดออกได้ 4 สิ่งที่เชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้น ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับใครก็ได้อย่างแน่นอน

    1. การทำซ้ำ เราต้องทำเรื่องเดิมซ้ำๆจนมันไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป เชื่อว่าทุกๆคนที่เคยเป็นนักกีฬาต่างรู้ดีว่าการทำบางอย่างซ้ำๆคือการสร้างความเชื่ยวชาญ นักฟุตบอบชื่อดังหลายๆคนที่เรารู้จัก เช่น เดวิด เบคแฮม ต่างไม่ได้เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในการยิงบอลได้อย่างแม่นยำ แต่หากเกิดจากความเพียรพยายามในการซ้อมยิงบอลเป็นพันๆหมื่นๆลูกเพื่อกระตุ้นให้กลายเป็นความเชื่อมั่น และหลายครั้งกลายเป็นสัญชาติญาณ การลงมือทำซ้ำๆบ่อยๆคือทักษะอย่างหนึ่ง ถ้าเราเป็นโปรแกรมเมอร์ การทำเทสให้เบื่อกันไปข้างหนึ่งคือวิธีที่ง่ายทีสุดในการสร้างโปรแกมที่จะไม่มีบัค ผมยังจำได้ครั้งแรกที่แข่งขันสุทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษต่อหน้าคน เป็นพันๆคน จำได้ว่าท่องสุนทรพจน์เป็นร้อยๆครั้ง ต่อหน้าครู เพื่อนๆ พี่ๆน้อง ครอบครัว พอขึ้นเวที มันกลายเป็นอัตโนมัติ
    2. การยืนหยัด อดทน หรือภาษาชาวบ้านที่เรามักได้ยินว่า กัดไม่ปล่อย สู้ไม่ถอย ใช่ครับ การทำซ้ำถ้าเป็นเรื่องที่ทำง่ายๆ การทำซ้ำคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่การที่เราพยายามทำบางอย่างซ้ำไปซ้ำมาและไม่ซ้ำสำเร็จ แล้วเรายังจะทำต่อหรือไม่ นั่นคือการที่เราไม่ยอมแพ้และลองหาวิธีใหม่ๆเพื่อจะทำสิ่งที่เราต้องการได้ เจเค โรวลิ่ง นักเขียน ลอร์ด ออฟ เดอะริง ชื่อดังไม่ได้ประสบความสำเร็จในการเขียนหนังสือชั่วข้ามคืน เธอใช้ความพยายามมากกว่า 10 ครั้ง กว่าที่จะมีสำนักพิมพ์ตีพิมพ์งานของเธอ คนหลายคนอาจจะพอทนได้ถ้ามีคนปฏิเสธครั้งสองครั้ง หรือสามครั้ง แต่ถ้าเราเจอบอกว่าไม่ ครั้งที่ห้า หก เจ็ด จากผลการวิจัย คนกว่า  80% นั้นล่าถอย และ ยิ่งถ้ามากกว่านั้น อาจเหลือเพียง ไม่กีเปอร์เซ็นที่ยืนหยัดต่อไปได้ โธมัส อัลวา เอดิสันล้มเหลวกว่าหมื่นครั้ง ก่อนที่จะพอวัสดุที่ทำให้เรามีดวงไฟส่องสว่าง
    3. การพูคให้กำลังใจตัวเอง  สิ่งที่เราคิดจะกลายเป็นสิ่งที่เราทำ บ่อยครั้งเหลือเกินที่เราหลายคนมักพรำ่บ่นกับตัวเอง ว่าเราไม่ดีอย่างนั้น อย่างนี้ แต่เชื่อเถอะว่า มีคนมากมายในโลกนี้มากเพียงพอที่พร้อมจะบอกเรามาว่าไม่ควรทำอะไร หรือว่าทำอะไรไม่ได้ แล้ว ทำไมเรายังต้องมาตอกย้ำให้ตัวเองเสียความมั่นใจไปเพื่ออะไรว่าเราทำอะไรไม่ได้ เทคนิคง่ายๆที่เราสามารถสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองนั้นคือ การพูดชมเชยให้กำลังใจตัวเอง เวลาที่ทำอะไรล้มเหลว และมองไปที่เป้าหมายมากกว่าที่จะไปให้น้ำหนักกับเรื่องที่ไม่ดีนัก ถ้าเราไม่ให้กำลังใจตัวเองแล้วใครจะให้เรา
    4. แปลความอย่างที่ตัวเองต้องการ เรื่องราวขำๆที่เคยได้ยินมาของชายคนหนึ่งที่ พยายามที่จะขอผู้หญิงคนหนึ่งออกเดท จนแล้วจนรอด เธอก็ไม่ยอมไปด้วย ด้วยความพยายามของเค้าเลยพยายามไปคุยกับเพื่อนของเธอ เลยรับรู้ว่า เธอบอกกับเพื่อนเธอว่า เธอจะออกเดทกับผู้ชายคนนี้ถ้าเค้าเป็นผู้ชายคนสุดท้ายที่หลงเหลือในโลก ชายหลายคนพอได้ยินคงถอดใจไปแล้ว แต่ชายคนนี้ตีคามแตกต่างออกไป เค้ากลับคิดว่า เค้ายังมีโอกาส ปัจจุบัน ชายคนนี้ได้แต่งงานกับเธอและมีลูกที่น่ารักสองคนอยู่ที่ประเทศอเมริกาครับ ฉะนั้นการตึความเพื่อให้กำลังใจตัวเองนั้นสำคัญมาก

    self-confidence

  • Inner Peace 內心平靜

    inner peace

     

    Bangkok is getting cooler during the past few days, 18 to 22 degree Celsius. Something which may be considered as summer for most European. I woke up quite early and spend time alone reading books, praying, and be silent. Yes, just be silent…

    Regardless of your belief, when we take time alone with our mind, asking questions to ourselves and be silent…we often get to the point of understanding ourselves such as why we did what we did, why we react to a certain behavior different.

    Personally, I found these questions invoke my subconsciousness….

    Am I doing this to improve ourselves?

    or

    Am I just doing this to impress others?

    The output of both questions might be the same but inner peace, which is the by product of the process of producing work, will vary.

    I found my gem in these questions, I hope it may help others…

    I have found my answer and that’s all matter most…because it’s very personal.