Category: Leadership

  • I have QA team (others but not me)

    One of the interesting observation when working with many team in my coaching career is how people would react to my questions about quality, product testing, A/B Testing, regression test, etc.

    We have done the unit testing, and we are waiting for QA team to do it.

    QA did it better. We just can’t do it like them.

    Our server won’t be able to do it, sorry.

    It will be very bias if we do the testing so it’s better QA/ Somebody else do it.

    What! you expect the actual business flow to be tested in development environment, that’s just too expensive!

    We don’t have enough time if we do more testing. Can we have more QA to do it?

    Our developers are the expert in this field and they hardly made any mistake (from the records)

    There are plenty more creative reason why quality can’t be done at the first line of code or test first along the first line of development.

    I’m one of those people who stuck at the activities I have to do daily and ignore the value that I have to give as part of my daily activities. I just hope that people don’t repeat the same thing. How? I guess if we put our creativity on how to perform such tasks so we don’t have to spend time to defense why we need others to do quality work.

    What’s your take?

  • Start-up with No money, No knowledge, No plan

    One of the an interesting speech by Alibaba Founder, Jack Ma, tells a story to Stanford grads that his philosophy that made him this far is

    1. No money, with only 50,000 RMB (250,000 THB) when he set out the start-up. Unlike many other family-rich-start-up, which they have lots of money to spend. Having no money gave him a chance to be creative on how to spend the money wisely.

    2. No knowledge about technology, Jack Ma never write a single line of code, and he takes it as an advantage because he now can test the system like the consumer.

    3. No plan, he was being agile in his way to tackle things because he hardly thought the company would come this far. The key to success is the adaptive leadership that he used along the road of start-up.

    Of course, his company now have all three things but the core values is still the same. The company has more money but it’s being spent carefully. Alibaba also have people who do technology driven but they all will be based on the clear vision from business. He still has no plan as a CEO but the planning at the operation level is still needed. Agility is what make Alibaba success.

     

     

  • สร้างผู้นำหญิง

    โดยส่วนตัว มักมีความสุขที่ได้มีโอกาสได้สร้างสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมเพื่อสร้างภาวะผู้นำให้กับ หลากหลายกลุ่มงาน บริษัท ห้างร้าน เพื่่อให้คนที่อยู่นั้นมีความภาคภูมิใจต่องานที่ทำ และโดยส่วนมากผลงานก็จะออกมาได้ผลดียอดเยี่ยมเสมอ

    แต่สิ่งที่่ทำให้มีความสุขมากกว่าคือการสร้างภาวะผู้นำ ให้ผู้หญิงได้มีโอกาสทำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดว่ามีแต่ผู้ชายทำได้ (ผมเชื่อว่าในเอเชีย กระแสนี้ยังแรงมาก) จากประสบการณ์ส่วนตัว วิธีการสร้างภาวะผู้นำให้ผู้หญิง ไม่ได้แตกต่างจากผู้ชายแต่อย่างใด และบ่อยครั้งกลับง่ายกว่าด้วยซ้ำไป มาดูกันว่าทำไมผมจึงคิดอย่างนั้น

    1. ผู้หญิงเป็นคนเข้มแข็งได้อย่างไม่น่าเชื่อ งานวิจัยมากมายที่เรามักได้ยินต่างๆนานา ไม่ว่าจะเกิดสถานะการณ์เลวร้าย ถูกทำร้าย หรืออะไรก็ตาม เรามักพบว่าเพศที่ดูเหมือนบอบบางและน่าถนุถนอม มักจะเป็นคนที่สามารถเอาชีวิตรอดได้เสมอ
    2. ต่อมความเชื่อของผู้หญิงนั้นละเอียดอ่อน ความเชื่อเป็นสิ่งสำคัญเมื่อถึงภาวะคับขัน และการยึดมั่นต่อเป้าหมาย รวมถึงการส่งต่อความเชื่อที่มีต่องานของผู้หญิงนั้นสัมผัสจิตใจผู้คนได้มาก การได้มีโอกาสได้ฟังผู้นำหญิงหลายคนในโลกกล่าวสุนทรพจน์ แล้วได้แรงบันดาลใจมากกว่า
    3. การแสดงออกถึงความรักของผู้หญิงนั้นเป็นเรื่องง่าย หนึ่งในคุณลักษณะผู้นำที่ดีคือสามารถเข้าถึงความรู้สึกของคนในทีม และ สร้างความเชื่อโยงระหว่างตนเองกับคนอื่นได้ดี คงไม่ผิดที่จะบอกว่า ผู้หญิงแสดงออกด้วยความรัก เป็นเรื่องง่ายมาก และความรักที่บริสุทธิ์นี่แหล่ะที่ทำให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    4. ความละเอียด รอบคอบ อย่างไม่น่าเชื่อ  การที่ผู้หญิงต้องดูแลตัวเองมากกว่าผู้ชายนั้นเป็นสิ่งผลักดันให้ผู้หญิงทีทักษะในการตรวจสอบความถูกต้องของงาน สิ่งแวดล้อม หรือคู่แข่งได้อย่างสวยงาม ทั้งนี้รวมถึงการสร้างทีมด้วย
    5. ความซื้อสัตย์ และระเบียบวินัย ย้อนกลับไปดูประวิติศาสตร์ได้เลย ในเรื่องของการทุจริตที่มีในโลก ส่วนใหญ่ไม่ใช่ผู้หญิงที่เป็นผู้นำ ไม่แน่ใจว่าทำไม แต่ ความซื่อสัตย์ดูเหมือนเป็นจุดที่ผู้ชายนั้นต้องเลียนแบบ

    คงไม่ได้กำลังบอกว่าเลิกให้โอกาสผู้ชายเป็นผู้นำ แต่อยากให้สังคมเริ่มมาให้ความสำคัญ และกำลังใจ กับผู้หญิงให้ได้มีโอกาสได้เป็นผู้นำเพื่อทำงานที่มีคุณภาพ และทำให้ทีมมีความสุขด้วย (โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ) เช่นเดียวกันอยากให้ผู้หญิงกล้าที่ก้าวออกมาเวลาที่มีความท้าทายเกิดขึ้นรอบด้าน และพิสูจน์ให้ตัวเอง และคนทั้งโลกว่า ไม่มีคุณลักษณะความเป็นผู้นำข้อใดๆที่ผู้หญิงทำไม่ได้

    Women-leaders

     

  • วิธีสร้างผลิตภัณฑ์ที่ใครๆก็อยากใช้ และบอกต่อ

    นอกเหนือจากผู้อำนวยการโครงการนาซ่า ที่จะมาแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับวิธีการที่ส่งยานสำรวจดาวอังคาร ที่ส่วนตัวอยากรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง เคล็ดลับความสำเร็จ

    หนี่งในหัวข้อที่มีโอกาสได้รับเกียรติให้ไปแบ่งปันในงาน Thailand Practical Software Engineering ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 2ๅ-22 พฤศจิกายน 2556 (ลงทะเบียนฟรี)

    เราจะมาพูดคุย แบ่งปัน ว่าทำไมหลายครั้งเราเห็นผู้นำที่สุดยอด เป็นที่ยอมรับของน้องๆ และหลายคนที่เรารู้จักก็ผลิตงานแบบอไจล์ กล่าวคือ ผลิตงานออกมาได้ทุก 2-4 สัปดาห์ ออกสู่ตลาด ยังไม่พอทีมเหล่านี้ใช้เทคโนโลยีล่าสุดที่ดีที่สุดที่มีในตลาด หากแต่ว่า หลายครั้งเรากลับเห็นว่า ลูกค้าไม่เล่นด้วย กับทีมที่สร้างผลิตภัณฑ์เหล่านี้ คงเป็นเรื่องยากที่จะตอบว่าทำไม เพราะหลายครั้งเรามักคิดว่า ทีมที่ทำงานได้ดีจะสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าอยากใช้ และอุดหนุน หรือแม้แต่บอกต่อ  หากแต่จากประสบการณ์จริง ทีมที่ดีนั้นสำคัญ แต่ก็มีวิธีการที่เราสามารถเอาไปใช้ได้จริงที่ได้ลองปฎิบัติมาแล้ว ล้ม ลุก คลุก คลาน แล้วกลับมาโดดเด่นในตลาดอีกครั้ง

    เราจะมาคุยกันว่า การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมนั้นประกอบด้วยองค์ประกอบอะไรบ้าง และเราจะประยุกต์วิธีการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เรามีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร เรื่องจริงที่จะได้เห็นหลักการคิด จากผลงานจริงที่มีอยู่ในท้องตลาด ที่ได้ผ่านการพิสูจน์ตัวเองว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดี ที่ใครๆก็พากันตบเท้าเข้าไปใช้บริการแบบเนืองแน่น ทุกๆวินาที

    รับรองหัวข้อนี้สนุกแน่!

  • Have you found your sense of comfort?

    Kent Beck, a founder of an extreme programming, as well as one of the founder of Agile Manifesto. He’s currently working at Facebook as a coach for programmer.

    One of the session I attended during Agile Singapore 2013 is “East at Work” , where he honestly shared that this talk was actually inspired by his wife, “Can you talk something relating to life?”, his wife said. I won’t go into full length of 1.5 hours of his talk because I know that InfoQ, media sponsor, will post his video soon.

    Lots of his point was relating to coding (of course, he’s programmer). However, reading between the line, he’s trying to communicate many points relating that we as a human should find our comfort of whatever we are doing.

    Kent Believe that no one shouldn’t spend too much time to judge if he/ she is the best or the worst. Comparing the effort to move pendulam center no matter where you stand. The amplitude is too high and we shouldn’t waste it.

    It’s unarguable that we all at one time in life thought we are the best and probably no one will ever invent what we can do or think. In contrast, we also used to be in the situation where we think we are the worst creature that ever live in the world because we do something very stupid that nobody can be that stupid.

    This two sides of pendulam is where we used to stand and we should try to reduce the amplitude of the two side as low as possible. Otherwise, the energy will be wasted as a result of putting us back to the comfortable spot.

    For Kent’s spot, they are:

    • My work matters
    • My code works
    • I’m proud of my work
    • I make public commitment
    • I am accountable
    • Interpret feedback
    • I am a beginner
    • I meditate
    • I serve

    It was a well delivered session by Kent Beck. They are still left for my interpretation and I will share when I have thought about it deeply. At the end of the day, each and everyone pendulum will have a different spot.

    No matter what industry you are in, I hope you will start finding your sense of comfort. It’s not only to help you live your life to the fullest but also the world will reap the benefit of getting the outcomes with the least waste.

    2013-11-07 16.51.41

  • เชื่อฟังเจ้านาย แต่ต้องทะเลาะกับผู้นำ

    คุณลักษณะอย่างหนึ่งของคนไทย คือเกรงใจ เคารพและนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ หรือว่าผู้ที่เป็นเจ้านาย

    คงไม่ผิดอะไรถ้าหลายคนเอาวัฒนธรรมดังกล่าวไปตีความว่าเจ้านายทุกคนไม่ชอบให้คนขัดใจ

    แต่หากเจ้านายคนนั้นมีความเป็นผู้นำ จะมีบุคลิกบางอย่างที่อาจทำให้เราต้องเปลี่ยนวิธีทำงานให้เหมาะกับสไตล์ ซึ่งทีหลากหลายประเภท แต่ขอยกตัวอย่างที่เคยพบเจอ และได้ยินมา

    1. เจ้านายที่ต้องการให้คนอื่นทำตามทันที ไม่มีข้อสงสัย
    2. เจ้านายที่ต้องการให้คนอื่นคิดตามแล้วค่อยทำ บิดได้แต่ได้งานเหมือนกัน
    3. เจ้านายที่ไม่ชอบสั่งงานแต่ให้ลูกน้องเสนอความคิดเห็น แต่เจ้านายต้องเป็นคนตัดสิน
    4. เจ้านายที่ไม่ชอบสั่งงานแต่ให้ลูกน้องเสนอความคิดเห็น และการตัดสินใจยืนพื้นความคิดเห็นของทีมทั้งหมด
    5. เจ้านายที่สั่งงาน และ อยากได้ยินความคิดเห็น แล้วค่อยตัดสินใจตามสิ่งที่ตัวเองคิด
    6. เจ้านายที่สั่งงานและ อยากได้ยินความคิดเห็น แล้วค่อยตัดสินใจตามความคิดเห็นของทีมทุกคน

    ไม่ได้กำลังบอกว่าเจ้านายแบบไหนเป็นแบบที่ดี ที่ถูกต้อง เพราะว่า แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสีย และใช้ในสถานะการณ์ที่แตกต่างกัน แต่ที่แน่ๆ ถ้าเจ้านายคนนั้นมีความเป็นผู้นำสูงมักเปิดโอกาสให้ลูกน้องเสนอความคิดเห็นที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งในระดับความคิด (หรือภาษาชาวบ้านว่า ทะเลาะ) แต่ความขัดแย้งดังกล่าวจะไม่นำพาไปสู่ความเกลียดชัง หรือพยายามกีดกันลูกน้องให้ไม่มีส่วนร่วมในงานอีก (ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า ดอง)

    แล้วคุณล่ะครับ ชอบ หรือว่าอยากเป็นเจ้านายแบบไหน

  • ทำไมต้องตั้งฝึกตั้งคำถาม

    ทักษะธรรมดาๆที่หลายคนมองข้ามคือทักษะในการตั้งคำถามกับทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต แต่เราหลายคนพอเริ่มโตขึ้นกลับเริ่มทำมันน้อยลง ทั้งๆที่เราเรียนรู้การการพูด ฟัง อ่าน เขียน จากการตั้งคำถาม

    ได้มีโอกาสนั่งคิดว่าอะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ คนไม่ตั้งคำถาม เลยได้ข้อสรุปบ้างจากการพบปะพูดคุย กับพี่ๆน้องที่เราสัมผัส ได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก เลยอยากจะมาแบ่งปัน

    1. บางคนเคยเป็นคนชอบตั้งคำถามแต่ ตอนเด็กๆโดนสังคมในโรงเรียน หรือที่บ้านปลูกฝังให้เชื่อฟัง การตั้งคำถามคือการไม่เชื่อฟัง (หรือภาษาชาวบ้านคือ เถึยง)
    2. เข้าใจผิด คิดว่าการถามคือแปลว่าโง่ เลยกลัวดูแย่ เลยไม่ต้องรู้อะไรกันพอดี
    3. ไม่อยากถามเพราะว่าคิดว่ารอฟังให้จบเผื่อว่าจะได้คำตอบพอได้ฟังเรื่องทั้งหมด
    4. ไม่รู้จะถามอะไร เพราะว่าไม่รู้เรื่องเลย
    5. ไม่ถามเพราะว่าคิดว่าตัวเองรู้แล้ว พอได้ยินอะไรแปลกจากที่ตัวเองรู้ เลยสันนิษฐานว่าคนอื่นคิดผิด
    6. ไม่ถามเพราะว่าอยากไปหาคำตอบเอง (อีโก้สูง)
    7. ไม่ถามเพราะว่าคิดว่าถามไปก็ไม่ได้คำตอบ เพราะว่าคนพูดไม่รู้จริง (กลัวหักหน้าคนพูด)
    8. ไม่ถามเพราะว่าเรียบเรียงประโยคให้สวยหรูไม่ได้ (อันนี้เจอบ่อยในบรรดา โปรแกรมเมอร์ คนทำงาน)
    9. ไม่ถามเพราะว่าไม่อยากให้ประชุมลากยาว (โดยเฉพาะประชุมก่อนเที่ยง
    10. ไม่ถามเพราะว่า ไม่รู้จะถามอะไร คนพูด หรือ คนอธิบายได้ดีมาก

    หลากหลายเหตุผล แต่โดยส่วนตัว การตั้งคำถามเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝน เพราะว่า คำถามที่ดีนั้นสำคัญ เพราะว่าถ้าเราตั้งคำถามผิด ต่อให้ได้คำตอบที่ถูก ก็ไม่มีประโยชน์ ลองดูครับ หัดตั้งคำถามง่ายๆ ด้วย เทคนิคง่ายๆ เช่น เป้าหมายของการพูด ใครที่เกี่ยวข้องบ้าง เพราะอะไรเรื่องนี้จึงสำคัญ เมื่อไหร่จะเกิดขึ้น เกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นที่มีผลในทางตรง ทางอ้อม  ถ้าหากเกิดกรณีพิเศษจะเป็นอย่างไร ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว

    การตั้งคำถามนอกจากทำให้เรามีความเข้าใจมากขึ้นแล้ว ยังจะทำให้เราพัฒนาความเชื่อมั่นต่อเพื่อนร่วมงานอีกด้วย เพราะว่าสิ่งที่เราทำถามอาจทำให้ใครอีกหลายคนได้รับคำตอบที่เค้าไม่กล้าถามก็เป็นได้

    Questions and Answers signpost

  • แน่ใจหรือว่าเราจะเปลี่ยนแปลงองค์กรเรา?

    บางครั้งลึกๆของเรา เราอยากทำคือปรับเปลี่ยน ช่วยเหลือ และเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงพัฒนาองค์กรของเราไปในทิศทางที่ดีขึ้น และสิ่งที่เรามักพอเจอและต้องตั้งคำถามให้คิดคือ ทำไมมันยาก ยากตั้งแต่วิธีการคิด วิธีการทำ และบางครั้งเราอาจกังวลว่าเราจะอยู่รอดในสภาวะที่เราจะเปลี่ยนแปลงนั้นหรือไม่ ใช่ครับ การเปลี่ยนแปลงบาง อย่างหมายถึงการที่เราอาจค้นพบว่า ที่ๆเราเคยอยู่ไม่ต้องการเรา แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย บางครั้งมันก็ชัดถึงชะตากรรมของเราในบั้นท้ายอยู่ดี ทำไงดี เป็นคำถามที่คงไม่มีบทสรุป เลยอยากถามผู้อ่านว่า ถ้าเราต้องเป็นเรา เราอยากจะเป็นผู้นำ หรือ ผู้ร่วมก๊วน การเปลี่ยนแปลงหรือไม่ และทำไมเราถึงคิดแบบนั้น

    บทสรุปของโพล จะนำไปสู่การเขียนบล็อกในตอนต่อๆไป ในอีกสองอาทิตย์ 15 พย 56

  • เทคนิคการปลุกพลังของในทีมงาน

    เราหลายคนคงเคยตกอยู่ในสภาวะที่ต้องทำงานที่ซ้ำซาก และบ่อยครั้งพลังในแต่ละวันเริ่มลดถอยลงไป หลากหลายสาเหตุที่มีโอกาสสัมผัส แก้ได้บ้าง แก้ไม่ได้บ้าง บ้างก็เกิดจากทิศทางของงานไม่ชัดเจน หรืองานที่ทำไม่ตื่นเต้นแล้ว

    หลักการที่ใช้อยู่เสมอ ที่ได้รับการถ่ายทอดจากผู้นำทั้งไทยและเทศ มาแบ่งปันกัน เผื่อว่าจะช่วยได้

    การหารากเหง้าด้วยการคุยบ่อยๆ

    ความท้าทายที่ยากสุดคือการหาต้นเหตุของความเบื่อหน่ายให้เจอ และวิธีการที่ง่ายที่สุดคือการคุยกับตัวเองหรือคนในทีม บ่อยครั้งเรามักที่จะลืมคุยกับคนในทีมบ่อยเพื่อเข้าใจความต้องการลึกๆของแต่ละคน การนัดคุยอย่างเป็นประจำเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกว่าเราใส่ใจ และบ่อยครั้งก็เป็นการปลุกพลังที่ดี

    การเล่าภาพใหญ่

    วิสัยทัศน์เป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้ทีมมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นการบอกทิศทางของทีม หรือองค์กร หลายต่อหลายครั้งเป็นการยากเหมือนกันสำหรับคนที่ลงมือทำงานจะวาดภาพใหญ่ได้ ภาพใหญ่จะทำให้ทีมงานรู้ว่าเค้ากำลังเป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรม หรือไอเดียใหม่ๆที่กำลังจะเปลี่ยนโลก และความตื่นเต้นก็มักจะเป็นผลพลอยได้จากการส่งต่อภาพใหญ่ด้วย

    การมีส่วนร่วม

    ยาแก้พิษความเบื่อหน่ายคือการลากเอาทีมงานมามีส่วนร่วมในการวางแผน อาจจะเป็นกิจกรรมเจาะจงเพื่อเป้าประสงค์ที่ใหญ่กว่าทีมงานหรือสิ่งที่ทำอยู่ทุกวัน จากประสบการณ์ วิธีการดังกล่าวจะสร้างความเป็นเจ้าของในงาน และสร้างความเชื่อว่างานที่เค้าทำนั้นมีความสำคัญต่อโครงการหรือองค์กร

    ปรับเปลี่ยนงานให้เหมาะสมกับแต่ละคน

    วิธีการที่ดีคือการปรับบทบาทหน้าที่ของคนในทีมให้ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำบ้าง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้และทำงานให้ดีซึ่งจะกระตุ้นพลัง จากการที่สามาระทำงานได้ตามเป้าหมายส่วนตัววางไว้

    ทำกิจกรรมสนุกๆกับทีมงาน

    การเล่นเกมส์ เล่นกีฬา ออกต่างจังหวัด บ่อยครั้งผมเองพอเห็นทีมเริ่มเบื่อ การนัดออกไปสังสรรค์เป็นสิ่งที่จะทำประจำ หรือแม้แต่นัดออกไปเตะบอล เล่นบาส หรือกีฬาอื่นที่ทุกคนในทีมสามารถมีส่วนร่วมได้ และหลายครั้งก็ทำให้ทีมกลับมามีขีวิตชีวาได้อีกครั้ง

     

  • Be yourself and reputation will look out for itself

    Most of us at one time or another have been misunderstood by those who are important to us. They thought we planned to take an action they disliked when in truth our intentions were to proceed in an entirely different direction. Such misunderstandings are usually quickly righted and life goes on. The same is true with character and reputation. If your reputation is for some reason misaligned with your character, it will soon quickly right itself when others discover for themselves that you are not at all the kind of person they had assumed you were. If your foundation is strong, you never need to be concerned about such misunderstandings. Others will learn soon enough what kind of person you really are. Spend your time and energy in constant self-inspection and self-improvement, building strong character, and you will never have to worry about what others think of you, fear of what others think.

    Image