Category: People

  • คุณเป็นกบแบบไหน

    วันนี้เป็นอีกอาทิตย์ที่ได้ไปโบสถ์ ส่วนหนึ่งของการไปโบสถ์คือการได้คิดถึงสิ่งดีๆที่เกิดขึ้น ทุกๆคนที่ได้พบเจอ โอกาสเรียนรู้จากคน เป็นของล้ำค่า

    เรื่องมีอยู่ว่า วันก่อนได้มีโอกาสพูดคุยกับกลุ่มผู้นำองค์กรแห่งหนึ่งและได้คุยกันถึงแนวทางในการช่วยให้พี่ๆน้องๆในองค์กรแห่งนี้ก้าวไปสู่เวทีโลก ความคิดต่างๆพร่างพรูและได้แผนงานสำหรับทดลองเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยเอาความสุขของคนในองค์กรเป็นที่ตั้ง

    เชื่อว่าในตลอดชีวิตของการทำงานหลายๆคนคงเคยได้ยิน ได้อ่านเรื่องราว เปรียบเปรยการทำงานโดยใช้กบเป็นตัวละครเพื่อให้เห็นภาพ เช่น อย่าเป็นกบอยู่ในกะลา คือ การทำงานที่อยู่ความคุ้นชินเดิมๆโดยที่ไม่ได้มองว่าโลกข้างนอกนั่นเค้าก้าวไปถึงไหนแล้ว ออกจากกะลาแล้วมาเปลี่ยนแปลงเพื่อตัวเองและคนรอบข้าง

    หนึ่งในบทสนทนากับนักคิดที่มีวิสัยทัศน์แบบหาคนจับยาก ซึ่งในแต่ละครั้งที่ท่านนึ้พูดมักใช้คำง่ายๆที่ใครๆก็เข้าถึงได้ ด้วยความที่ส่วนตัวคลุกคลีกับการปฏิรูปมากจนหลายครั้งหลงใช้ภาษาที่อาจจะยากสำหรับคนทั่วไป เลยไปปรึกษาท่านและเล่าไอเดียของแผนงาน และอยากหาคำง่ายๆที่ใครๆก็เข้าใจ

    ในวงสนทนานั้นเริ่มต้นอย่างสนุกสนาน ปราศจากความเครียดโดยสิ้นเชิง คำต่างๆเริ่มไหลๆมา ซึ่งล้วนแต่ดีๆทั้งนั้น ท่านผู้นี้บังเอิญเดินมา ได้การบ้านไป หาย 15 นาที กลับมาพร้อมกับคำว่า

    “กบฉีกกะลา”

    ใครชอบหรือเปล่าไม่รู้แต่ผมชอบมากเพราะว่าเห็นภาพชัดมาก เราคุยกันซักพัก และได้ลงความเห็นว่าอันนี้แหล่ะ ใช้เป็นชื่อเรียกปฏิบัติการนี้ เหตุที่มันดีเพราะว่า

    1. กบที่จะฉีกกะลาได้นั้นต้องออกจากกะลาก่อน
    2. กบทั่วไปอาจพาตัวเองออกจากกะลาแล้วกลับเข้าไปได้ใหม่ เพราะว่ากะลายังอยู่ ทว่าการฉีกนั้นเป็นการทำลายกะลาไปอย่างถาวรกลับไปไม่ได้อีก
    3. การพาตัวเองออกจากกะลาเป็นเรื่องยาก แต่ว่าสิ่งที่ยากกว่าคือการช่วยพี่ๆน้องๆออกจากกะลาด้วย เพราะว่าเราทำงานด้วยกัน เราไปกันเป็นทีม ใช่ว่าทุกคนจะออกจากกะลาได้พร้อมๆกัน ดังนั้นจึงต้องช่วยเพื่อนด้วยการฉีกกะลาเพื่อนๆให้เห็นสิ่งที่เราเห็นด้วย
    4. กบฉีกกะลานั้นแสดงถึงความกล้าหาญ เพราะว่าในองค์กรใหญ่ การพูดความจริงด้วยความรักเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเราอยากพาองค์กรของตัวเองไปสู่เวทีโลก เราต้องกล้าที่จะออกนอกกรอบ และพาเพื่อนๆเราออกมาด้วย
    5. การฉีกนั้นเจ็บปวดแต่ว่า ถ้าไม่เจ็บคงไม่จำ เหมือนกับภาษาฝรั่งว่า “no pain, no gain”

    เลยอยากชวนให้ทุกคนเป็นกบแบบใหม่ที่ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงตัวเองเท่านั้นแต่ เป็นกบที่พร้อมจะฉีกกะลาเพื่อพลิกตัวเอง ครอบครัว สังคม ประเทศ และโลกนี้ไปในทิศทางที่ดีขึ้นตลอดเวลา

    20140406-222713.jpg

  • Why we need to engage with our people?

    I interviewed many leaders and staff about the conditions and drivers which engaged them at work. All reported that being trusted with a stretching task within demanding timescales and a clear understanding of the discretion available to them brought the best out in them.

    They said that engaged staff:

    • are more creative and more productive;

    • are constructively critical and challenging of the status quo and seek to initiate change;

    • make other people’s change their own;

    • will advocate the company, not as robots or brand messengers, but from their own critical perspective;

    • in short, enjoy their work and make it enjoyable for colleagues and external parties.

    These sound like the sort of people we would all like to have working for us. But is it possible to create the conditions which stimulate these positive outcomes? However, below are the questions that I got mostly from the people whom I provided consultancy.

    • Does employee engagement actually result in people feeling good about their work and their organisation? Does it deliver retention of the right people?

    • Most crucially, what are the specific causes or drivers of engagement?

    • Are these causes or drivers generic to all workplaces?

    • Can the causes or drivers of engagement be enhanced to increase engagement? In other words is it actionable?

    • Is this enhancement ethical or does this ‘social engineering’ simply achieve greater performance through manipulation?

    I hope to leave you with above questions and I will come back and answer them one by one.